Ar-Rahman Ar-Raheem (ตอนที่ 3)
ความแตกต่างระหว่าง เราะฮฺมาน และ รอฮีม
อัรเราะฮฺมานเป็นนามที่ชี้ไปสู่ คุณลักษณะของแก่นแท้ของอัลลอฮฺ และอัรรอฮีมเป็นนามที่ชี้ไปสู่ คุณลักษณะของการกระทำ เราะฮฺมาน คือผู้ที่ครอบครองความเมตตา และ
รอฮีม คือ ผู้ที่ประทานความเมตตานั้นให้.
รอฮีม คือ ผู้ที่ประทานความเมตตานั้นให้.
อิบนุลกอยยิม กล่าวว่า "อัรเราะฮฺมานบ่งชี้ไปสู่คุณลั กษณะที่มีปรากฏอยู่ในตั วของพระองค์ และอัรรอฮีมบ่งชี้ถึงการปฏิสั มพันธ์กับผู้รับของความเมตตา หากท่านต้องการที่จะเข้าใจสิ่ งนี้ จงใคร่ครวญคำตรัสของพระองค์ที่ ว่า
هُوَالَّذِىْ يُصَلِّىْ عَلَيْكُمْ وَمَلٰۤئِكَتُهٗ لِيُخْرِجَكُمْ مِّنَ الظُّلُمٰتِ اِلَى النُّوْرِۚ وَكَانَ بِالْـمُؤْمِنِيْنَ رَحِيْمًا
"พระองค์คือผู้ ทรงประทานความเมตตาให้แก่พวกเจ้ าและมลาอิกะหฺของพระองค์ด้วย เพื่อพระองค์จะทรงนำพวกเจ้ าออกจากความมืดทึบทั้งหลายสู่ ความสว่าง และพระองค์ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้ ศรัทธาเสมอ" (อัลอะฮฺซาบ 43)
الرَّحْمٰنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوٰى
"ผู้ทรงกรุณาปรานีทรงสถิตอยู่ บนบัลลังก์" (ตอฮา5)
ไม่มีแม้เพียงสักครั้งที่มี การกล่าวว่า พระองค์ทรง เราะฮฺมาน กับพวกเขา เรื่องนี้พิสูจน์ว่า อัรเราะฮฺมาน พาดพิงเกี่ยวกับผู้ที่มีลั กษณะเมตตา ส่วน อัรรอฮีม คือผู้ที่ประทานความเมตตานั้น"
อธิบายอีกแบบหนึ่งคือ
อัรเราะฮฺมานคือผู้ที่มี ความเมตตาซึ่งขยายวงกว้างไปสู่ สิ่งถูกสร้างทั้งมวล ทั้งในโลกนี้และกับผู้ศรั ทธาในปรโลก ดังนั้นพระองค์ทรงเมตตาทั้งกั บผู้ศรัทธาและกับผู้ที่ไม่ศรั ทธาทั้งหลาย กับผู้ที่เป็นมิตรและกับศัตรู เราะฮฺมานคือประเภททั่ วไปของความเมตตา
ในอีกด้านหนึ่งอัรรอฮีม คือผู้ที่มีความเมตตาซึ่งแผ่ ขยายไปสู่ผู้ศรัทธาโดยเฉพาะทั้ งในโลกนี้และในปรโลก.
นี่คือประเภทที่พิ เศษของความเมตตาแก่ผู้ศรัทธาทั้ งหลาย และมันเป็นระดับที่สูงส่ งของความเมตตา. ความเมตตาประเภทนี้เป็ นความเมตตาซึ่งอัลลอฮฺทรงดู แลกรณีย์ต่างๆของผู้ศรัทธาอย่ างเป็นภายใน ในแง่ของการดูแลสภาพของหั วใจของพวกเขา บำรุงอีหม่านและตบแต่งมันให้ พวกเขา ประทานเตาฟีกให้พวกเขา ฯลฯ นี่อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเหตุใด
รอฮีม จึงถูกพูดถึงเป็นสองเท่าของ เราะฮฺมะหฺ เพราะว่ามันมีขั้ นของความเมตตาที่สูงกว่า และในความเป็นจริงมันถูกใช้ โดยอัลลอฮฺมากกว่าประเภททั่ วไปของความเมตตา
รอฮีม จึงถูกพูดถึงเป็นสองเท่าของ เราะฮฺมะหฺ เพราะว่ามันมีขั้
ที่กล่าวมาคือความเข้ าใจของบรรดาอุลามาอฺส่วนมาก
ผลของการได้รู้ว่าอัลลอฮฺทรงเป็ นทั้งอัรเราะฮฺมานและอัรรอฮีม
หากคุณรู้ว่าอัลลอฮฺทรงเมตตาต่ อคุณ สิ่งนี้จะต้องส่งผลต่อชีวิ ตของคุณ
1.ไม่สามารถเลี่ยงความรั กของเราต่ออัลลอฮฺได้.
นี่เป็นเพราะว่า เมื่อมีผู้หนึ่ งแสดงความเมตตาอย่างมากมายต่อคุ ณ,คุณจะไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ เว้นแต่จะรักผู้นั้น.
2.มันค่อยๆ ซึมซาบเข้าไปในผู้ศรัทธาซึ่ งสำนึกของความกลัวต่อการฝ่าฝื นคำสั่งของพระองค์.
เพราะว่าเมื่อมีผู้หนึ่งได้ โปรยปรายความจำเริญต่ างๆของเขาบนคุณ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะไปฝ่ าฝืนคำสั่งของผู้นั้น คุณลองนึกภาพคนสองคน คนแรกไม่เคยให้อะไรคุณเลยในชีวิ ตของเขา,ไม่เคยแสดงให้เห็นถึ งเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แล้วเขาก็มาขอให้คุณทำบางอย่ างให้เขา มันจะมีเหตุผลมากมายสำหรับคุ ณที่จะอ้างเพื่อหลีกเลี่ยง หรือบางครั้งอาจถึงกับบอกปฏิ เสธคำขอไปเลย.
กับอีกคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนสนิ ทของคุณ,ผู้ซึ่งอยู่ตรงนั้นเพื่ อคุณเสมอและมอบของขวัญของกำนั ลและอื่นๆให้คุณเสมอ. วันหนึ่งเขามาและขอร้องให้คุ ณทำบางอย่างเพื่อเขา, มันจะเป็นการยากมากๆสำหรับคุณที ่จะนิ่งเฉยหรือขัดคำขอของเขา. ดังนั้นในด้านของอัลลอฮฺ,เมื่ อพระองค์ทรงสั่งใช้เรา เราจะรู้สึกเขินและอับอาย. เราจะฝ่าฝืนอัลลอฮฺได้อย่ างไรหลังจากทุกๆสิ่งที่พระองค์ ทรงประทานให้เรา ?
3.มันจะทำให้ผู้ศรัทธาต้ องการโดยธรรมชาติที่จะมีเมตตาต่ อผู้
อัลลอฮฺทรงตรัสว่า "...และพวกเจ้าจงอภัยและยกโทษ( ให้แก่พวกเขาด้วยเถิด) พวกเจ้าจะไม่ชอบหรือที่อัลลอฮฺ จะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า" (24:22)
หมายความว่าหากคุณต้องการให้อั ลลอฮฺแสดงความเมตตาคุณ.ก็ จงแสดงความเมตตาต่อผู้อื่น.
จากคำพูดของนบี ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม : ญาบิรบินอับดุลลอฮฺ รายงานว่า รอซูลของอัลลอฮฺ ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ผู้ใดไม่แสดงความเมตตาต่อมนุ ษย์ อัลลอฮฺจะไม่แสดงความเมตตาต่ อเขา" (บุคอรี)
และท่านกล่าวว่า : "อัลลอฮฺจะทรงเมตตาต่อบรรดาบ่ าวของพระองค์ที่มีเมตตา"
4.ผู้นั้นจะพยายามอย่างที่สุ ดเพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรคือสิ่ งที่อัลลอฮฺทรงรักและอะไรที่ ทรงรังเกียจ
เช่น หากมีบางคนทำดีต่อคุณเสมอ และเขาก็มาหาคุณที่บ้าน และคุณจะทำอาหารบางอย่างให้ เขาที่เขาชอบ และหากคุณไม่รู้ว่าเขาชอบอะไรคุ ณก็จะถามเขาว่า ' คุณชอบกินอะไร ?'
นี่เป็นเพราะความรู้สึ กโดยธรรมชาติ,เมื่อมีบางคนทำดี กับคุณเสมอ,คุณจึงต้ องการตอบสนองโดยการทำบางอย่างที ่เขาชอบกลับไปให้เขา. ดังนั้นผู้ศรัทธาก็พยายามอย่ างที่สุดที่จะเรียนรู้ ฮะล้าลและฮารอม,และนี่คือมุ มมองของเขาเกี่ยวกับฮะล้ าลและฮารอม. ซึ่งจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่ เรียนรู้มันโดยคิดว่ามันเป็นเพี ยง กฎเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆเท่านั ้น คือ เขาจะคิดว่า ' หากฉันทำแบบนี้แบบนั้นฉันจะต้ องลงนรก...'
แต่ทว่าผู้ศรัทธาเรียนรู้ฮะล้ าลและฮารอม เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าอัลลอฮฺ ทรงชอบและไม่ทรงชอบอะไรบ้าง.
ดังนั้นเมื่อเราเรียน เช่น เรียนฟิกฮฺเกี่ยวกับการละหมาด, ใจจริงในการที่เรียนไปหรือมี ความต้องการที่จะเรียนก็เพื่อที ่จะสักการะอัลลอฮฺด้วยกับวิธี การที่พระองค์ทรงรัก,เมื่อคุ ณเรียนรู้เกี่ยวกับฮารอม,คุณก็ ระวังเพื่อไม่ให้ตกลงไปอยู่ในสิ ่งที่อัลลอฮฺทรงรังเกียจ.
5.คุณจะมีความรู้สึกเหล่านี้ที่ ว่า คุณไม่สามารถชดใช้คืนให้อัลลอฮฺ ได้เลย คุณไม่สามารถทำให้สิทธิ ของพระองค์สมบูรณ์ได้เลย.
ดังนั้นผู้ศรัทธาจะอยู่ ในสถานะของผู้ที่รู้สึกเสี ยดายตลอด ไม่ว่าเขาจะทำอิบาดะหฺมากเพี ยงใดก็ตาม เขาจะสำนึกเสมอว่าอิบาดะหฺชิ้ นนี้(ที่เขากำลังปฏิบัติอยู่) จะไม่สามารถเทียบค่ากับความเอื้ อเฟื้อของอัลลอฮฺที่มีต่อเขาได้ .
ดังนั้นเมื่อเรามองไปสู่ชีวิ ตของบรรดาผู้คนดีๆที่ล่วงลั บไปก่อนหน้าเรา เราจะเห็นว่าพวกเขาต่างเป็นผู้ ซึ่งไม่เคยรู้สึกภาคภูมิกั บบรรดาการปฏิบัติอิบาดะหฺที่ พวกท่านได้ทำไป ตรงกันข้ามพวกท่านกลับรู้สึกไม่ เพียงพอในการปฏิบัติอิบาดะหฺ ของพวกท่าน,มิใช่เพราะสภาพของตั วอิบาดะหฺที่พวกท่านทำ แต่ทว่ามันเป็นเพราะพวกท่านรั บรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ และจำนวนของความเมตตากรุ ณาของพระองค์ที่มีบนพวกท่าน. พวกท่านไม่สามารถเทียบอิบาดะหฺ เหล่านั้นกับความกรุณาปราณี และความเอื้อเฝื้อของอัลลอฮฺได้
มิเช่นนั้นแล้วอิบาดะหฺของพวกท่ านถือว่าอยู่ในระดับที่ยิ่งใหญ่ .
มิเช่นนั้นแล้วอิบาดะหฺของพวกท่
6.บ่าวจะไม่หมดหวั งจากความเมตตาของพระองค์เป็นอั นขาด
قُلْ يٰعِبَادىَ الَّذِيْنَ اَسْرَفُوْاعَلٰٓى اَنْفُسِهِمْ لَا تَقْنَطُوْامِنْ رَّحْمَةِ اللهِ ۚ اِنَّ اللّٰهَ يَغْفِرُالذُّنُوْبَ جَمِيْعًا ۚ اِنَّهٗ هُوَ الْغَفُوْرُالرَّحِيْمُ
จงกล่าวเถิด, "ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย! บรรดาผู้ละเมิดต่อตั วของพวกเขาเองพวกท่านอย่าได้ หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอภั ยความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ" (อัซซุมัร:53)