วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หลัก 7 ข้อ เพื่อความสำเร็จ และผลที่ตามมา

หลัก 7 ข้อ เพื่อความสำเร็จ และผลที่ตามมา
โดย ดร. นีโด้ อาร์ คิวเบียน
อะไรคือความสำเร็จ? เพียงเราเท่านั้นที่สามารถให้คำจำกัดความมันได้ในชีวิตของเราเอง ในชีวิตของผมเอง ผมได้พยายามที่จะให้คำจำกัดความทั้งความสำเร็จและผลที่ตามมา
สำหรับผมแล้ว ความสำเร็จเป็นเรื่องทางโลก ส่วนผลที่ตามมาคือเรื่องทางธรรม
มันไม่สำคัญว่าเราจะให้คำจำกัดความกับคำว่าทางธรรมของเราเองว่าอะไร เพราะถึงอย่างไรเรื่องทางธรรมก็จะดีกว่า ลึกกว่าที่เราคิด และยาวนานกว่าเรื่องทางโลกเสมอ
หัวใจของความสำเร็จดูได้ที่สามเอฟ (3Fs)
  • Fans มีคนหลงใหล
  • Fame มีชื่อเสียง
  • Fortune มีทรัพย์สมบัติมากมาย
ความสำเร็จคือการมุ่งเน้นไปที่งาน หรือเป้าหมาย
ผลที่ตามมายังมุ่งเน้นไปที่สามเอฟด้วย คือ...
  • Faith มีศรัทธา

  • Family มีครอบครัว
  • Friends มีเพื่อนฝูง
แต่หัวใจของผลที่ตามมานั้นจะให้ความสำคัญที่เป้าหมาย  เช่นว่าทำไมฉันจะต้องอยู่ที่นี่? ฉันจะใช้พรสวรรค์ ความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะที่ฉันมีอย่างไร? ฉันจะทำให้ โลกใบนี้สวยขึ้นได้อย่างไร? ฉันจะปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความยิ่งใหญ่ในชีวิตของผู้คนรอบข้างฉันอย่างไร? ฉันจะทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมได้อย่างไรจึงจะกลายเป็นวัฏจักรของการโน้มน้าวในที่ๆฉันพบและอาศัยอยู่?
ในการเลือกความสำเร็จและผลที่ตามมา เราจะต้องเป็นนักคิดเชิงกลยุทธ์ที่...
  • มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในสิ่งที่เราต้องการที่จะประสบความสำเร็จ
  • พัฒนากลยุทธ์ที่สามารถตอบสามคำถามนี้ได้
  • ในวันนี้เราเป็นใครหรือเป็นอะไรอยู่?
  • เราอยากจะเป็นใคร?
  • แล้วเราจะไปยืนตรงนั้นได้อย่างไร?
  • นำระบบที่ปฏิบัติได้จริงมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายของเรา
  • มุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะในความสม่ำเสมอนั้น ความสำเร็จจะโผล่ขึ้นมา
เมื่อดำเนินการตามแผนกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จแล้ว มันจะลงไปที่ “สามดี (3 Ds)” คือ...
  • Decide ตัดสินใจเลือกความสำเร็จที่เราต้องการมากที่สุด
  • Determine กำหนดขั้นตอนแรกที่จะก้าวสู่สิ่งที่เราต้องการ
  • Do ทำในสิ่งแรกที่จะทำให้เราเริ่มเคลื่อนที่ไปสู่เป้าหมายของเรา
ด้วยหลัก 7 ข้อนี้ เราสามารถเลือกความสำเร็จและผลที่ตามมาได้ แต่ให้จำไว้ว่าความสำเร็จไม่ได้เป็นเรื่องของโชค ไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่รางวัลจากการทำคุณความดีใดๆ คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ผมรู้ว่าจะต้องเป็นคนที่มีบางสิ่งบางอย่างที่จะทำ มีบางแห่งที่จะไป และมีใครบางคนที่จะรัก
ไม่มีผู้ใดจะมารับผิดชอบต่อความสำเร็จหรือความสุขของเราได้ เราต้องค้นหามันให้เจอด้วยตัวของเราเอง และ เราต้องเป็นประจำทำตัวของเราให้อยู่ในสถานะอันคู่ควรที่จะได้มันมา
เพียงการที่จะประสบความสำเร็จเฉยๆนั้นมันไม่ใช่จุดสิ้นสุด เราต้องให้ความสำเร็จของเราส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆด้วย ... ส่งผลกระทบต่อโลก ... เพื่อให้ชีวิตดำเนินไปจากด้านในสู่ด้านนอก
ทุกอย่างเริ่มต้นที่เราเลือก – มันคือตัวกำหนดตัวบุคคลที่เราอยากจะเป็น
ขอให้ประสบสิ่งที่ดีที่สุด /แมค แอนเดอร์สัน-ผู้ก่อตั้ง สถาบันสัจธรรมที่เรียบง่าย

เชิญเข้าร่วมสัมมนาโครงการมักตับเพื่อตัรบิยะฮฺและพัฒนาอัคล้ากในโรงเรียน(MaktabDTAS) ครั้งที่ 2

3  มุฮัรรอม  1437
16  ตุลาคม  2558
เรื่อง     เชิญเข้าร่วมสัมมนาโครงการมักตับเพื่อตัรบิยะฮฺและพัฒนาอัคล้ากในโรงเรียน(MaktabDTAS) ครั้งที่ 2
เรียน    ผู้บริหารโรงเรียน
สิ่งที่ส่งมาด้วย   แบบตอบรับการเข้าร่วมสัมมนา  จำนวน  1  ฉบับ
          ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาผู้ทรงเมตตาปราณีเสมอ ทางศูนย์อำนวยการศึกษาศาสนาระบบมักตับ  (ญัมอียะตุ้ลมะกาติ๊บ ) ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนศาสนาขั้นพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับการตัรบิยะฮฺ (ขัดเกลา) ควบคู่กับการปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ตลอดจนเสริมสร้างให้เกิดความรักในการเผยแผ่
          สืบเนื่องจากการสัมมนาโครงการมักตับเพื่อตัรบิยะฮฺและพัฒนาอัคล้ากในโรงเรียน(MaktabDTAS) เมื่อวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ณ มัสยิดกลาง จังหวัดสงขลาที่ผ่านมา ได้มีข้อสรุปร่วมกันว่าจะมีการจัดสัมมนาครั้งที่ 2 ขึ้น ระหว่างวันที่ 3-5  พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ณ โรงเรียนอิกเราะสามัญศึกษา กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 08.30 น. -  17.00 น.   โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือกับโรงเรียนต่างๆ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเยาวชนมุสลิมและแบ่งปันสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนซึ่งกันและกัน
          ดังนั้นในโอกาสนี้ทางศูนย์ฯ ขอเรียนเชิญผู้บริหาร รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการศาสนาและสามัญ รวมจำนวน 3 ท่าน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความห่วงใยและพยายามพัฒนาเด็ก ๆ และเยาวชนมุสลิมในโรงเรียนของท่านอยู่แล้ว เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ โดยขอให้กรอกแบบตอบรับและนำส่งแก่ผู้ประสานงาน(มุอาวิน)ในพื้นที่ของท่าน หรือส่งที่ iqra@maktabdtas.com ก่อนวันที่  27  ตุลาคม  2558
          หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียนมุสลิม ในการร่วมกันพัฒนาอัคล้าก การตัรบิยะฮฺ และคุณภาพการศึกษาของเยาวชนมุสลิมต่อไป อินชาอัลลอฮฺ
          จึงขอเรียนเชิญท่านมา ณ โอกาสนี้
ﺟﺰﺍكم اﷲ ﺧﻴﺮا
وﺑﺎاﷲ ﺍﻟﺘﻮﻓﻴﻖ وﺍﻟﻬﺪﺍﻳﺔ  و اﻟﺴﻼم ﻋﻠﻴﻜﻢ ورﺣﻤﺔاﷲ وﺑﺮﻛﺎﺗﻪ

 ลงชื่อ
(เมาลานามุฮัมมัดซิดดิก บิน ฮานีฟ)
อมีรญัมอียะตุ้ลมะกาติ้บ

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แล้วสิ่งนี่ก็จะผ่านไปเช่นกัน

This Too Shall Pass
แล้วสิ่งนี่ก็จะผ่านไปเช่นกัน – โปรดทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้ลึกๆ
ครั้งหนึ่ง มีพระราชาองค์หนึ่งได้สั่งให้เรียกบรรดาผู้รู้คนฉลาดทั้งหมดมาเข้าพบ และถามพวกเขาว่า
มีเวทย์มนต์ หรือข้อแนะนำใดๆบ้างไหม ที่สามารถจะนำไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ในทุกกรณี ในทุกสถานที่ และทุกเวลา ในทุกความสุข ทุกความเศร้า ทุกความพ่ายแพ้ และมีชัย? คำตอบเดียวสำหรับทุกปัญหา มีหรือไม่? สิ่งที่สามารถช่วยข้าได้ในตอนที่ไม่มีพวกเจ้าอยู่ให้คำแนะนำแก่ข้า บอกข้ามา มีคาถาอะไรไหม?
บรรดาผู้รู้คนฉลาดทั้งหมดยังคงมึนงงกับคำถามของพระราชา พวกเขาครุ่นคิด และครุ่นคิด หลังจากปรึกษากันอยู่อย่างยาวนาน ชายชราผู้หนึ่งได้ให้คำแนะนำบางอย่างที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องหันมามอง พวกเขาไปเข้าเฝ้าพระราชา และถวายกระดาษที่มีข้อความบางอย่างเขียนอยู่ในนั้นให้พระองค์
โดยมีเงื่อนไขว่าพระราชาจะต้องไม่เปิดดูมันเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น แต่พระองค์จะเปิดดูได้ก็เฉพาะในเวลาที่พบอันตรายและอยู่คนเดียว และดูเหมือนว่าจะไม่มี วิธีแก้ไขใดๆต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงสามารถเปิดอ่านข้อความในกระดาษได้
พระราชาพับกระดาษแผ่นดังกล่าว และสอดไว้ใต้แหวนเพชรของพระองค์
อยู่มาวันหนึ่ง ประเทศใกล้เคียงโจมตีอาณาจักรและกองทัพของพระองค์ พระราชาต่อสู้อย่างกล้าหาญ แต่ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พระราชาต้องหนีเอาตัวรอดไปบนม้าของพระองค์ ศัตรูไล่ตามมาใกล้ขึ้น ประชิดขึ้น ในที่สุดพระราชาก็พบว่าตัวเองได้มายืนอยู่ที่สุดทางเสียแล้ว – ไม่ใช่ทางตัน แต่ไปไหนไม่ได้เนื่องจากข้างหน้ามีหุบเขาลึกกว่าพันฟุต ถ้าพระองค์กระโดดลงไป พระองค์ก็จะต้องฝากร่างไว้ที่หุบเหวนี้อย่างแน่นอน และครั้นจะหนีกลับไปทางเดิมก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นเส้นทางแคบๆ
... เสียงฝีเท้าม้าของศัตรูเริ่มควบใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว พระราชากระสับกระส่าย ดูเหมือนจะไม่มีวิธีใดอีกแล้วที่จะพาตัวเองให้รอดออกไปจากที่นี่ได้
ทันใดนั้นเอง พระองค์เหลือบไปเห็นแหวนเพชรของพระองค์ส่องแสงแวววับจับตาเมื่อกระทบกับแสงจากดวงอาทิตย์ มันทำให้พระองค์จำได้ว่ามีข้อความซ่อนอยู่ในแหวนนั้น พระองค์ขยับแหวนเพชร และดึงเอาแผ่นกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน ข้อความในนั้นเขียนไว้ว่า
แล้วสิ่งนี้ก็จะผ่านไปเช่นกัน

พระราชาอ่านมัน และอ่านอีก ทันใดนั้นมันทำให้พระองค์ต้องอึ้ง – ใช่ซิ! สิ่งนี้จะผ่านไป
ก็เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ข้าได้รับความเพลิดเพลินกับอาณาจักร ของข้า ข้าเป็นผู้กล้าแห่งราชาทั้งหลาย แต่วันนี้ราชอาณาจักร และ ความสุขของข้าได้หายไปแล้ว ข้าอยู่ตรงนี้ ในขณะพยายามที่จะหลบหนีจากศัตรู เช่นเดียวกับวันอันหรูหราฟุ่มเฟือยที่ผ่านพ้นไป วันนี้ที่อันตรายก็จะต้องผ่านไปเช่นกัน ความสุขสงบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพระราชา พระองค์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น และสถานที่ที่พระองค์กำลังยืนอยู่นั้นเต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ พระองค์ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสถานที่ที่สวยงามนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระองค์
การเปิดอ่านข้อความส่งผลกระทบอย่างแรงต่อตัวของพระราชา พระองค์รู้สึกผ่อนคลายจนลืมพวกที่กำลังตามพระองค์มา หลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่นาที พระองค์ก็ตระหนักได้ว่าเสียงของม้าและศัตรูที่ไล่หลังมานั้น ได้ถอยห่างออกไปแล้ว พวกเขาเคลื่อนพลไปทางด้านอื่นของภูเขา และไม่มีศัตรูคนไหนเหลืออยู่ใกล้ๆกับพระองค์เลย
ด้วยความกล้าหาญของพระราชา พระองค์จัดระบบกองทัพ และกลับมาต่อสู้อีกครั้ง พระองค์ชนะศัตรู และช่วงชิงเอาอาณาจักรของพระองค์คืนมาจนได้ เมื่อพระองค์กลับไปอาณาจักรของตนหลังจากที่ได้รับชัยชนะ ชาวเมืองต่างดีใจ ทั้งหมดออกมาต้อนรับพระองค์ด้วยการประโคมเสียงแตรที่กึกก้องดังกังวาน
ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความรื่นเริง ดอกไม้ถูกโรยโปรยปรายไปบนพระราชา จากทุกบ้านทุกหลังคาเรือน ผู้คนร้องรำทำเพลงกันทุกหัวมุมถนน มีช่วงหนึ่งที่พระราชากล่าวกับตนเองว่า
ข้าคือหนึ่งจากราชาที่ห้าวหาญ และยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ใครจะเอาชนะข้าได้
จากการต้อนรับและการเฉลิมฉลองที่เกิดขึ้น ทำให้พระองค์มองเห็นอัตตาที่เกิดขึ้นใหม่ในตัวเอง
ทันใดนั้น แหวนเพชรของพระองค์ก็ส่องแสงแวววับเป็นประกายอีกครั้งในแสงแดด ทำให้พระองค์นึกถึงข้อความที่เพิ่งเปิดอ่าน และ อ่านอีกครั้งว่า
แล้วสิ่งนี้ก็จะผ่านไปเช่นกัน
พระองค์เงียบ ใบหน้าของพระองค์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง – จากลักษณะของผู้ทะนงตัว พระองค์กลายสภาพไปเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนที่สุด
ถ้าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ต้องผ่านไป เช่นกันแล้ว ดังนั้นมันไม่ใช่ของเจ้า ความพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่ของเจ้า ความสำเร็จนั้นไม่ใช่ของเจ้า เจ้าเป็นเพียงผู้ชม เฝ้าดูทุกอย่างผ่านไป
เราเป็นผู้รู้เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เรารับรู้มัน ชีวิตมีเกิด และมีดับ ความสุขจะมีมา และหายไป ความเศร้าจะผ่านมา และจากไป.
ตอน นี้ หลังจากที่ท่านได้อ่านเรื่องนี้ ลองแค่นั่งเงียบๆ และประเมินชีวิตของท่านเองดูสิ สิ่งเหล่านี้จะผ่านไป ลองคิดถึงช่วงเวลาแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของท่านสิ คิดถึงช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก และความพ่ายแพ้สิ สิ่งเหล่านั้นมันถาวรไหมล่ะ? ทั้งหมดจะมา และก็ผ่านไป
ชีวิตจะเพียงแค่ล่วงลับไป ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ถาวร ทุกอย่างจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง ยกเว้นกฎแห่งการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ลองคิดทบทวนไปมาจากมุมมองของท่านเองสิ ท่านได้เห็นทั้งหมดที่เปลี่ยนแปลงมาแล้ว ท่านเอาตัวรอดมาได้จากความล้มเหลวและความผิดหวังทั้งหลาย ทั้งหมดได้ล่วงลับไปแล้ว ปัญหาในปัจจุบันก็เช่นกัน มันก็จะผ่านไป เพราะไม่มีอะไรจะยังคงอยู่ตลอดไป ความสุขและความเศร้าคือสองด้านของเหรียญเดียวกัน มันทั้งสองจะผ่านไป
ท่านเป็นเพียงสักขีพยานของการเปลี่ยนแปลง จงหาประสบการณ์ พยายามเข้าใจมัน และสนุกกับช่วงเวลาแห่งปัจจุบัน – ซึ่ง – สิ่งนี่ก็จะผ่านไปเช่นกัน

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ่งที่ไม่มีสอนในโรงเรียน ตอนที่ 4/4

สิ่งที่ไม่สอนในโรงเรียน (ตอนที่ 4/4)

 

Inline image 2
30. สิ่งที่สอน:การผ่าตัดครั้งแรกด้วยการดมยาสลบดำเนินการในปีค.ศ.1845โดย ซี. ดับบลิว. ลอง ชาวอเมริกัน
สิ่งที่ควรจะสอน :หกร้อยปีก่อน ซี. ดับบลิว. ลอง มุสลิมชาวสเปนชื่อ อัซซะฮฺ ราวี และอิบนุซุฮฺรฺจากบรรดาศัลยแพทย์ชาวมุสลิม ได้ทำการผ่าตัดหลายร้อยครั้งด้วยการสูดดมยาสลบ โดยใช้ฟองน้ำชุ่มยาโปะที่บนใบหน้า 
 

Inline image 3
31. สิ่งที่สอน:ในช่วงศตวรรษที่ 16 พาราเซลซัสได้ค้นพบว่าสามารถนำสารสกัดจากฝิ่นมาใช้ทำยาชาได้
สิ่งที่ควรจะสอน :แพทย์มุสลิมเป็นผู้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของอนุพันธ์ฝิ่นในเรื่องยาชาในช่วงยุคกลาง ชาวกรีกใช้ฝิ่นเป็นยาชา พาราเซลลัสได้ร่ำเรียนผลงานของอิบนุ ซินาทำให้มั่นใจได้เลยว่าเขาได้รับแนวคิดนี้มาจากตรงนั้น


Inline image 4
32. สิ่งที่สอน:ยาชาในปัจจุบัน​​ถูกคิดค้นขึ้นมาใช้ในศตวรรษที่ 19 โดยฮัมฟรีย์เดวี่และฮอเรซเวลส์
สิ่งที่ควรจะสอน :การระงับความรู้สึกที่ทันสมัยที่สุดถูกค้นพบควบคุมและทำให้สมบูรณ์โดยวิสัญญีแพทย์มุสลิมมาเป็นเวลา 900 ปีก่อนจะมีเดวี่และเวลส์ พวกเขาให้ยาผ่านทั้งทางช่องปากและทางสูดดม


Inline image 5
33. สิ่งที่สอน:แนวคิดในเรื่องของการกักบริเวณ (คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า) ได้รับการพัฒนาครั้งแรกในปี 1403 ในเวนิสออกเป็นกฎหมายใช้ป้องกันคนแปลกหน้าเข้ามาในเมืองจนกว่าจะผ่านช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งถึงตอนนั้นถ้าไม่พบวี่แววของความเจ็บป่วยใดๆ พวกเขาก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไป 
สิ่งที่ควรจะสอน :แนวความคิดในเรื่องของการกักบริเวณ (คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า) นั้นถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 7 โดยท่านนบีมูฮัมหมัด ผู้ที่เตือนอย่างชาญฉลาดไม่ให้เข้าหรือออกจากพื้นที่ที่เกิดโรคระบาด เป็นช่วงต้นของศตวรรษที่ 10 แพทย์มุสลิมได้ริเริ่มนำหอผู้ป่วยแยกสำหรับบุคคลที่ทุกข์ทรมานจากโรคติดต่อเข้ามาใช้งาน


Inline image 6
34. สิ่งที่สอน:การใช้งานทางวิทยาศาสตร์ของยาฆ่าเชื้อโรคในห้องผ่าตัดถูกค้นพบในปี 1865โดยศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ ชื่อ โจเซฟ ลิสเตอร์ 
สิ่งที่ควรจะสอน :ต้นๆศตวรรษที่ 10 นั้นคณะแพทย์และศัลยแพทย์ชาวมุสลิมได้นำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์มาใช้กับแผลสดแทนน้ำยาฆ่าเชื้อ ศัลยแพทย์ในอิสลามสเปนใช้วิธีการพิเศษในการฆ่าเชื้อก่อนและระหว่างการผ่าตัด พวกเขายังเป็นผู้กำหนดข้อตกลงที่เจาะจงสำหรับการรักษาสุขอนามัยในช่วงระยะหลังการผ่าตัด ความสำเร็จของพวกเขาอยู่ในระดับสูงมาก จนถึงขนาดที่ว่าแขกผู้มีเกียรติทั่วยุโรปจะมาคอร์โดวาสเปน เพื่อที่จะได้รับการรักษาในสถานที่ที่เปรียบเสมือนเป็น "โรงพยายาบาลเมโย" ในยุคกลางก็ว่าได้


Inline image 7
Inline image 8
35. สิ่งที่สอน:ในปี 1545ศัลยแพทย์อัมบรัวส์แพร์ ชาวฝรั่งเศส ทำให้วิทยาศาสตร์ด้านการผ่าตัดก้าวหน้าไปมาก ก่อนที่จะมีเขาศัลยแพทย์พยายามที่จะหยุดเลือดผ่านขั้นตอนที่น่าสยดสยองด้วยการทำให้บาดแผลไหม้เกรียมด้วยน้ำมันเดือด แพร์หยุดการใช้น้ำมันเดือดและเริ่มรัดหลอดเลือดแดงเขาได้รับขนามนามว่าเป็น "บิดาแห่งการผ่าตัดที่มีเหตุมีผล"แพร์เป็นชาวยุโรปคนแรกเช่นกันที่ประณาม "การผ่าตัดที่พิลึกพิลั่น" ที่มีขั้นตอนของการใช้เครื่องเจาะด้วย
สิ่งที่ควรจะสอน :ศัลยแพทย์อิสลามที่มีชื่อเสียงของสเปนอัซซะฮฺรอวี (ในปี 1013) เริ่มใช้วิธีการรัดหลอดเลือดแดงด้วยการเย็บมานานกว่า 500 ปีก่อนแพร์ เขาทำให้การใช้งานของเอ็นแมวเกิดความสมบูรณ์แบบนั่นคือการเย็บแผลด้วยลำไส้สัตว์ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ริเริ่มการใช้ผ้าฝ้ายบวกขี้ผึ้งเสียบบาดแผลที่เลือดไหลรายละเอียดเต็มรูปแบบของผลงานของเขาได้รับการเปิดเผยสู่ชาวยุโรปผ่านการแปลเป็นภาษาลาติน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ช่างผมและคนเลี้ยงสัตว์เป็นบุคคลหลักของการฝึก "ศิลปะ" การผ่าตัดต่อมาเป็นเวลาเกือบหกศตวรรษหลังจากการตายของอัซซะฮฺรอวี ตัวแพร์เองก็เป็นแค่ช่างตัดผมแม้ว่าโดยทั่วไปเขาจะมีฝีมือมากขึ้นและขยันขันแข็งกว่าคนอื่นๆก็ตาม 
ตำราหลายสิบโหลรวมอยู่ในมรดกของอัซซะฮฺรอวี ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือตำราชุด 30 เล่มในเรื่องยาและการผ่าตัด หนังสือของเขามีหมวดที่เกี่ยวกับเวชศาสตร์ป้องกันโภชนาการเครื่องสำอางการรักษาด้วยยาเทคนิคการผ่าตัดการระงับความรู้สึกการดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด รวมถึงภาพวาดของอุปกรณ์การผ่าตัดจำนวนมากกว่า 200 ชิ้น เขาคิดค้นหลายสิ่งหลายอย่าง ในด้านของการปรับแต่งและด้านวิชาการ ต้องถือว่าอัซซะฮฺรอวีเป็นบิดาและผู้ก่อตั้งการผ่าตัดที่มีเหตุมีผลไม่ใช่แพร์ผู้ไร้การศึกษา


Inline image 9
36. สิ่งที่สอน:ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 วิลเลียมฮาร์วีย์ค้นพบการไหลเวียนของเลือด เขาเป็นคนแรกที่อธิบายการทำงานของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดดำได้อย่างถูกต้องกาเลนแห่งกรุงโรมได้นำเสนอความคิดที่ผิดพลาดเกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเลือดและฮาร์วีย์เป็นคนแรกที่ตรวจสอบพบว่าเลือดถูกสูบไปทั่วร่างกายผ่านการกระทำของหัวใจและวาล์วหลอดเลือดดำ ดังนั้นเขาได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ก่อตั้งวิชาสรีรวิทยา
สิ่งที่ควรจะสอน :ในศตวรรษที่ 10 อัรรอซีของอิสลามเขียนตำรารักษาระบบหลอดเลือดดำในเชิงลึก เขาอธิบายถึงการทำงานของเส้นเลือดและวาล์วได้อย่างถูกต้องแม่นยำอิบนุนัฟซฺและอิบนุ อัลคัฟ (ในศตวรรษที่ 13) ได้จัดทำเอกสารข้อมูลเต็มรูปแบบเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดได้อย่างถูกต้องและอธิบายสรีรวิทยาของหัวใจและการทำงานของวาล์วหลอดเลือดเมื่อ 300 ปีก่อนที่ฮาร์วีย์นายวิลเลียมฮาร์วีย์เป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยปาดัวที่มีชื่อเสียงของอิตาลีในช่วงเวลาที่หลักสูตรส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นไปตามตำราของอิบนุซินาและอัรรอซี


Inline image 10
37. สิ่งที่สอน:ฟาร์มาโคเปีย (ตำรายา) เล่มแรกได้รับการตีพิมพ์โดยนักวิชาการเยอรมันในปี 1542 ตามที่ปรากฎในสารานุกรมโลกหนังสือวิทยาศาสตร์เภสัชวิทยาเริ่มในปี 1900 เป็นต้นตอทางเคมีอันสืบเนื่องมาจากการวิเคราะห์วัสดุของพืชดิบ หลังจากที่นักเคมีแยกสารออกฤทธิ์ออกจากพืชสมุนไพรที่พวกเขารู้ว่ามีคุณค่า 
สิ่งที่ควรจะสอน :นักวิชาการที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์อาหรับคือฟิลลิปฮิตตี้เป็นมุสลิมไม่ใช่ชาวกรีกหรือยุโรป เป็นผู้เขียนฟาร์มาโคเปียเล่มแรกที่ "ทันสมัย"ศาสตร์ด้านเภสัชวิทยาเกิดจากแพทย์มุสลิมในช่วงศตวรรษที่ 9 พวกเขาพัฒนามันจนเป็นศาสตร์ที่ละเอียดอ่อนมาก และเป็นศาสตร์ที่แน่นอนนักเคมีชาวมุสลิมเภสัชกรและแพทย์ผลิตยาและ/หรือสารสกัดจากสมุนไพรดิบเป็นพันๆชนิดมาเป็นเวลากว่าหนึ่งพันปีก่อนที่จะเกิดวิชาเภสัชวิทยา ในช่วงศตวรรษที่ 14 อิบนุ บัยตัรเขียนอนุสาวรีย์ยา แจกแจงรายชื่อยาที่แตกต่างกันถึง 1400 อย่าง ฟาร์มาโคเปียอื่นๆอีกเป็นร้อยๆเล่ม ที่ถูกตีพิมพ์ในช่วงยุคอิสลาม มันอาจเป็นไปได้ว่าผลงานของชาวเยอรมันมาจากต้นตอของอิบนุบัยตัรซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วไปในทวีปยุโรป


Inline image 11
38. สิ่งที่สอน:การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องของการใช้ยาเพื่อรักษาโรคเฉพาะทางถูกพบโดยพาราเซลซัสแพทย์ชาวสวิสโดยกำเนิด ในช่วงศตวรรษที่ 16 เขายังได้รับความเชื่อถือว่าเป็นคนแรกที่ใช้ประสบการณ์ทางการปฏิบัติมาเป็นปัจจัยกำหนดการรักษาผู้ป่วยค่อนข้างมาก กว่าที่จะอาศัยเฉพาะผลงานของคนในสมัยโบราณ
สิ่งที่ควรจะสอน :อัรรอซี, อิบนุซินา, อัลคินดี,อิบนุ รุชดฺ, อัซซะฮฺรอวี, อิบนุ ซุฮฺรฺ,อิบนุบัยตัร, อิบนุ อัลญัซซัร, อิบนุ จุลจุ้ล, อิบนุ อัลคัฟ, อิบนุ อัลนัฟซฺ,อัลบิรูนี่, อิบนุ ซะฮฺลฺและแพทย์มุสลิมอื่นๆอีกหลายร้อยคนที่มีความสันทัดในวิทยาศาสตร์ด้านการรักษาด้วยยาต่ออาการเฉพาะโรคในความเป็นจริงแนวคิดนี้เป็นสิ่งค้นพบของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงคำว่า "ยา" มาจากภาษาอาหรับ ด้วยเหตุนี้การรักษาโดยใช้ประสบการณ์และการสังเกตอย่างระมัดระวังได้แพร่หลายออกไป 
แพทย์มุสลิมเป็นคนแรกที่วิพากษ์วิจารณ์ทฤษฎีและการปฏิบัติทางการแพทย์โบราณอัรรอซีอุทิศหนังสือทั้งเล่มซึ่งเป็นบทวิจารณ์เรื่องทางกายวิภาคของเกเลน ผลงานของพาราเซลซัสไม่มีนัยสำคัญอะไรเลยเมื่อเทียบกับปริมาณมากมายของงานเขียนทางการแพทย์และต้นกำเนิดการค้นพบที่ประสบความสำเร็จจากวงการแพทย์ยักษ์ใหญ่ของอิสลาม


Inline image 12
39. สิ่งที่สอน:วิธีการรักษาโรคที่สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกคือที่รักษาโดยชาวเยอรมัน ชื่อโยฮันน์เวกเนอร์ ในปี 1500 
สิ่งที่ควรจะสอน :ฮาวาร์ดจอร์จซาร์ตั้นกล่าวว่าการเภสัชในแพทย์แผนปัจจุบันนั้นเป็นการพัฒนาของอิสลามทั้งสิ้น และการบันทึกตรงกับแพทย์มุสลิมในศตวรรษที่9 จนกระทั่งศตวรรษที่ 12 ว่าเป็นชนิดที่แม่นยำ เป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุผลและสมบูรณ์แข็งแรงในแนวทางของพวกเขา โยฮันน์เวกเนอร์เป็นหนึ่งในแพทย์ชาวยุโรปหลายพันคนในช่วงศตวรรษที่15 ถึงศตวรรษที่ 17 ที่ได้ศึกษาเรื่องการแพทย์ของอัรรอซี และอิบนุซินาตัวเขาเองนั้นไม่ได้คิดค้นอะไรขึ้นมาเลย


Inline image 13
40. สิ่งที่สอน:ฟิลิปพินัลทำให้การรักษาคนบ้าด้วยยาเป็นไปอย่างถูกต้องตามสมัยในปี 1793 เขาเปิดโรงพยาบาลโรคจิตแห่งแรกในฝรั่งเศส 
สิ่งที่ควรจะสอน :ประมาณต้นศตวรรษที่ 11 โรงพยาบาลอิสลามมีวอร์ดรักษาคนโรคจิตโดยเฉพาะ พวกเขาได้รับการรักษาพวกเขาได้รับเมตตาและสันนิษฐานว่าโรคของพวกเขาเป็นจริงในช่วงเวลาที่คนบ้าถูกเผาทั้งเป็นในยุโรปเป็นประจำ เหมือนเป็นแม่มดและพ่อมดกระนั้น มีการนำวิธีการรักษาเพื่อบำบัดความเจ็บป่วยทางจิตมาใช้ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้ป่วยเป็นโรคจิตได้รับการรักษาด้วยการดูแลสนับสนุนทั้งจากยาและจิตบำบัด ทุกเมืองสำคัญๆของอิสลามมีโรงพยาบาลรักษาโรคจิตที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆตามความจริงแล้ว อิสลามเหนือกว่าในเรื่องการรักษาผู้ป่วยทางจิตเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยปัจจุบัน เนื่องจากมีมนุษยธรรมมากขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน


Inline image 14
41. สิ่งที่สอน:น้ำมันก๊าดถูกผลิตขึ้นมาครั้งแรกโดยชาวอังกฤษอับราฮัม เกสเนอร์ในปี 1853 เขากลั่นมันออกมาจากยางมะตอย 
สิ่งที่ควรจะสอน :นักเคมีชาวมุสลิมผลิตน้ำมันก๊าดด้วยการกลั่นจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมานานกว่า 1,000 ปีก่อนเกสเนอร์(ดูสารานุกรมบริแทนิกาภายใต้หัวข้อการปิโตรเลียม)
Inline image 15