สิ่งที่ไม่สอนในโรงเรียน (ตอนที่ 4/4)
30. สิ่งที่สอน:การผ่าตัดครั้งแรกด้ วยการดมยาสลบดำเนินการในปีค.ศ. 1845โดย ซี. ดับบลิว. ลอง ชาวอเมริกัน
สิ่งที่ควรจะสอน :หกร้อยปีก่อน ซี. ดับบลิว. ลอง มุสลิมชาวสเปนชื่อ อัซซะฮฺ ราวี และอิบนุซุฮฺรฺจากบรรดาศั ลยแพทย์ชาวมุสลิม ได้ทำการผ่าตัดหลายร้อยครั้งด้ วยการสูดดมยาสลบ โดยใช้ฟองน้ำชุ่มยาโปะที่ บนใบหน้า
31. สิ่งที่สอน:ในช่วงศตวรรษที่ 16 พาราเซลซัสได้ค้นพบว่ าสามารถนำสารสกัดจากฝิ่นมาใช้ ทำยาชาได้
สิ่งที่ควรจะสอน :แพทย์มุสลิมเป็นผู้ชี้ให้เห็
32. สิ่งที่สอน:ยาชาในปัจจุบันถู กคิดค้นขึ้นมาใช้ในศตวรรษที่ 19 โดยฮัมฟรีย์เดวี่และฮอเรซเวลส์
สิ่งที่ควรจะสอน :การระงับความรู้สึกที่ทันสมัย ที่สุดถูกค้นพบควบคุมและทำให้ สมบูรณ์โดยวิสัญญีแพทย์มุสลิ มมาเป็นเวลา 900 ปีก่อนจะมีเดวี่และเวลส์ พวกเขาให้ยาผ่านทั้งทางช่ องปากและทางสูดดม
33. สิ่งที่สอน:แนวคิดในเรื่ องของการกักบริเวณ (คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า) ได้รับการพัฒนาครั้งแรกในปี 1403 ในเวนิสออกเป็นกฎหมายใช้ป้องกั นคนแปลกหน้าเข้ามาในเมืองจนกว่ าจะผ่านช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งถึ งตอนนั้นถ้าไม่พบวี่ แววของความเจ็บป่วยใดๆ พวกเขาก็จะได้รับอนุญาตให้เข้ าไป
สิ่งที่ควรจะสอน :แนวความคิดในเรื่องของการกั กบริเวณ (คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า) นั้นถูกนำมาใช้เป็นครั้ งแรกในศตวรรษที่ 7 โดยท่านนบีมูฮัมหมัด ผู้ที่เตือนอย่างชาญฉลาดไม่ให้ เข้าหรือออกจากพื้นที่ที่เกิ ดโรคระบาด เป็นช่วงต้นของศตวรรษที่ 10 แพทย์มุสลิมได้ริเริ่มนำหอผู้ป่ วยแยกสำหรับบุคคลที่ทุกข์ ทรมานจากโรคติดต่อเข้ามาใช้งาน
34. สิ่งที่สอน:การใช้งานทางวิ ทยาศาสตร์ของยาฆ่าเชื้อโรคในห้ องผ่าตัดถูกค้นพบในปี 1865โดยศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ ชื่อ โจเซฟ ลิสเตอร์
สิ่งที่ควรจะสอน :ต้นๆศตวรรษที่ 10 นั้นคณะแพทย์และศัลยแพทย์ชาวมุ สลิมได้นำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ มาใช้กับแผลสดแทนน้ำยาฆ่าเชื้อ ศัลยแพทย์ในอิสลามสเปนใช้วิธี การพิเศษในการฆ่าเชื้อก่ อนและระหว่างการผ่าตัด พวกเขายังเป็นผู้กำหนดข้อตกลงที ่เจาะจงสำหรับการรักษาสุขอนามั ยในช่วงระยะหลังการผ่าตัด ความสำเร็จของพวกเขาอยู่ในระดั บสูงมาก จนถึงขนาดที่ว่าแขกผู้มีเกียรติ ทั่วยุโรปจะมาคอร์โดวาสเปน เพื่อที่จะได้รับการรั กษาในสถานที่ที่เปรียบเสมือนเป็ น "โรงพยายาบาลเมโย" ในยุคกลางก็ว่าได้
35. สิ่งที่สอน:ในปี 1545ศัลยแพทย์อัมบรัวส์แพร์ ชาวฝรั่งเศส ทำให้วิทยาศาสตร์ด้านการผ่าตั ดก้าวหน้าไปมาก ก่อนที่จะมีเขาศัลยแพทย์ พยายามที่จะหยุดเลือดผ่านขั้ นตอนที่น่าสยดสยองด้วยการทำให้ บาดแผลไหม้เกรียมด้วยน้ำมันเดื อด แพร์หยุดการใช้น้ำมันเดื อดและเริ่มรัดหลอดเลื อดแดงเขาได้รับขนามนามว่าเป็น "บิดาแห่งการผ่าตัดที่มีเหตุมี ผล"แพร์เป็นชาวยุโรปคนแรกเช่นกั นที่ประณาม "การผ่าตัดที่พิลึกพิลั่น" ที่มีขั้นตอนของการใช้เครื่ องเจาะด้วย
สิ่งที่ควรจะสอน :ศัลยแพทย์อิสลามที่มีชื่อเสี ยงของสเปนอัซซะฮฺรอวี (ในปี 1013) เริ่มใช้วิธีการรัดหลอดเลื อดแดงด้วยการเย็บมานานกว่า 500 ปีก่อนแพร์ เขาทำให้การใช้งานของเอ็นแมวเกิ ดความสมบูรณ์แบบนั่นคือการเย็ บแผลด้วยลำไส้สัตว์ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ริเริ่ มการใช้ผ้าฝ้ายบวกขี้ผึ้งเสี ยบบาดแผลที่เลือดไหลรายละเอี ยดเต็มรูปแบบของผลงานของเขาได้ รับการเปิดเผยสู่ชาวยุโรปผ่ านการแปลเป็นภาษาลาติน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ช่ างผมและคนเลี้ยงสัตว์เป็นบุ คคลหลักของการฝึก "ศิลปะ" การผ่าตัดต่อมาเป็นเวลาเกื อบหกศตวรรษหลังจากการตายของอั ซซะฮฺรอวี ตัวแพร์เองก็เป็นแค่ช่างตั ดผมแม้ว่าโดยทั่วไปเขาจะมีฝีมื อมากขึ้นและขยันขันแข็งกว่าคนอื ่นๆก็ตาม
ตำราหลายสิบโหลรวมอยู่ ในมรดกของอัซซะฮฺรอวี ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุ ดของเขาคือตำราชุด 30 เล่มในเรื่องยาและการผ่าตัด หนังสือของเขามีหมวดที่เกี่ยวกั บเวชศาสตร์ป้องกันโภชนาการเครื่ องสำอางการรักษาด้วยยาเทคนิ คการผ่าตัดการระงับความรู้สึ กการดูแลก่อนและหลังการผ่าตัด รวมถึงภาพวาดของอุปกรณ์การผ่าตั ดจำนวนมากกว่า 200 ชิ้น เขาคิดค้นหลายสิ่งหลายอย่าง ในด้านของการปรับแต่งและด้านวิ ชาการ ต้องถือว่าอัซซะฮฺรอวีเป็นบิ ดาและผู้ก่อตั้งการผ่าตัดที่มี เหตุมีผลไม่ใช่แพร์ผู้ไร้การศึ กษา
36. สิ่งที่สอน:ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 วิลเลียมฮาร์วีย์ค้นพบการไหลเวี ยนของเลือด เขาเป็นคนแรกที่อธิ บายการทำงานของหลอดเลือดหั วใจและหลอดเลือดดำได้อย่างถูกต้ องกาเลนแห่งกรุงโรมได้ นำเสนอความคิดที่ผิดพลาดเกี่ ยวกับระบบไหลเวียนของเลื อดและฮาร์วีย์เป็นคนแรกที่ ตรวจสอบพบว่าเลือดถูกสูบไปทั่ วร่างกายผ่านการกระทำของหั วใจและวาล์วหลอดเลือดดำ ดังนั้นเขาได้รับการยกย่องให้ เป็นผู้ก่อตั้งวิชาสรีรวิทยา
สิ่งที่ควรจะสอน :ในศตวรรษที่ 10 อัรรอซีของอิสลามเขียนตำรารั กษาระบบหลอดเลือดดำในเชิงลึก เขาอธิบายถึงการทำงานของเส้นเลื อดและวาล์วได้อย่างถูกต้องแม่ นยำอิบนุนัฟซฺและอิบนุ อัลคัฟ (ในศตวรรษที่ 13) ได้จัดทำเอกสารข้อมูลเต็มรู ปแบบเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลื อดได้อย่างถูกต้องและอธิบายสรี รวิทยาของหั วใจและการทำงานของวาล์วหลอดเลื อดเมื่อ 300 ปีก่อนที่ฮาร์วีย์นายวิลเลี ยมฮาร์วีย์เป็นบัณฑิตจากมหาวิ ทยาลัยปาดัวที่มีชื่อเสียงของอิ ตาลีในช่วงเวลาที่หลักสูตรส่ วนใหญ่ของที่นี่เป็ นไปตามตำราของอิบนุซินาและอั รรอซี
37. สิ่งที่สอน:ฟาร์มาโคเปีย (ตำรายา) เล่มแรกได้รับการตีพิมพ์โดยนั กวิชาการเยอรมันในปี 1542 ตามที่ปรากฎในสารานุกรมโลกหนั งสือวิทยาศาสตร์เภสัชวิทยาเริ่ มในปี 1900 เป็นต้นตอทางเคมีอันสืบเนื่ องมาจากการวิเคราะห์วัสดุของพื ชดิบ หลังจากที่นักเคมีแยกสารออกฤทธิ ์ออกจากพืชสมุนไพรที่พวกเขารู้ ว่ามีคุณค่า
สิ่งที่ควรจะสอน :นักวิชาการที่มีชื่อเสี ยงในประวัติศาสตร์อาหรับคือฟิ ลลิปฮิตตี้เป็นมุสลิมไม่ใช่ ชาวกรีกหรือยุโรป เป็นผู้เขียนฟาร์มาโคเปียเล่ มแรกที่ "ทันสมัย"ศาสตร์ด้านเภสัชวิ ทยาเกิดจากแพทย์มุสลิมในช่ วงศตวรรษที่ 9 พวกเขาพัฒนามันจนเป็นศาสตร์ที่ ละเอียดอ่อนมาก และเป็นศาสตร์ที่แน่นอนนักเคมี ชาวมุสลิมเภสัชกรและแพทย์ผลิ ตยาและ/หรือสารสกัดจากสมุนไพรดิ บเป็นพันๆชนิดมาเป็นเวลากว่าหนึ ่งพันปีก่อนที่จะเกิดวิชาเภสั ชวิทยา ในช่วงศตวรรษที่ 14 อิบนุ บัยตัรเขียนอนุสาวรีย์ยา แจกแจงรายชื่อยาที่แตกต่างกันถึ ง 1400 อย่าง ฟาร์มาโคเปียอื่นๆอีกเป็นร้ อยๆเล่ม ที่ถูกตีพิมพ์ในช่วงยุคอิสลาม มันอาจเป็นไปได้ว่ าผลงานของชาวเยอรมันมาจากต้ นตอของอิบนุบัยตัรซึ่งได้รั บการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่ วไปในทวีปยุโรป
38. สิ่งที่สอน:การค้นพบทางวิ ทยาศาสตร์ในเรื่องของการใช้ ยาเพื่อรักษาโรคเฉพาะทางถู กพบโดยพาราเซลซัสแพทย์ชาวสวิ สโดยกำเนิด ในช่วงศตวรรษที่ 16 เขายังได้รับความเชื่อถือว่าเป็ นคนแรกที่ใช้ประสบการณ์ ทางการปฏิบัติมาเป็นปัจจั ยกำหนดการรักษาผู้ป่วยค่อนข้ างมาก กว่าที่จะอาศั ยเฉพาะผลงานของคนในสมัยโบราณ
สิ่งที่ควรจะสอน :อัรรอซี, อิบนุซินา, อัลคินดี,อิบนุ รุชดฺ, อัซซะฮฺรอวี, อิบนุ ซุฮฺรฺ,อิบนุบัยตัร, อิบนุ อัลญัซซัร, อิบนุ จุลจุ้ล, อิบนุ อัลคัฟ, อิบนุ อัลนัฟซฺ,อัลบิรูนี่, อิบนุ ซะฮฺลฺและแพทย์มุสลิมอื่นๆอี กหลายร้อยคนที่มีความสันทัดในวิ ทยาศาสตร์ด้านการรักษาด้วยยาต่ ออาการเฉพาะโรคในความเป็นจริ งแนวคิดนี้เป็นสิ่งค้ นพบของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงคำว่า "ยา" มาจากภาษาอาหรับ ด้วยเหตุนี้การรักษาโดยใช้ ประสบการณ์และการสังเกตอย่ างระมัดระวังได้แพร่หลายออกไป
แพทย์มุสลิมเป็นคนแรกที่วิพากษ์ วิจารณ์ทฤษฎีและการปฏิบัติ ทางการแพทย์โบราณอัรรอซีอุทิ ศหนังสือทั้งเล่มซึ่งเป็นบทวิ จารณ์เรื่องทางกายวิภาคของเกเลน ผลงานของพาราเซลซัสไม่มีนัยสำคั ญอะไรเลยเมื่อเทียบกับปริ มาณมากมายของงานเขี ยนทางการแพทย์และต้นกำเนิดการค้ นพบที่ประสบความสำเร็ จจากวงการแพทย์ยักษ์ใหญ่ของอิ สลาม
39. สิ่งที่สอน:วิธีการรักษาโรคที่ สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกคือที่รั กษาโดยชาวเยอรมัน ชื่อโยฮันน์เวกเนอร์ ในปี 1500
สิ่งที่ควรจะสอน :ฮาวาร์ดจอร์จซาร์ตั้นกล่าวว่ าการเภสัชในแพทย์แผนปัจจุบันนั้ นเป็นการพัฒนาของอิสลามทั้งสิ้น และการบันทึกตรงกับแพทย์มุสลิ มในศตวรรษที่9 จนกระทั่งศตวรรษที่ 12 ว่าเป็นชนิดที่แม่นยำ เป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุผลและสมบูรณ์แข็ งแรงในแนวทางของพวกเขา โยฮันน์เวกเนอร์เป็นหนึ่ งในแพทย์ชาวยุโรปหลายพันคนในช่ วงศตวรรษที่15 ถึงศตวรรษที่ 17 ที่ได้ศึกษาเรื่องการแพทย์ของอั รรอซี และอิบนุซินาตัวเขาเองนั้นไม่ ได้คิดค้นอะไรขึ้นมาเลย
40. สิ่งที่สอน:ฟิลิปพินัลทำให้ การรักษาคนบ้าด้วยยาเป็นไปอย่ างถูกต้องตามสมัยในปี 1793 เขาเปิดโรงพยาบาลโรคจิตแห่ งแรกในฝรั่งเศส
สิ่งที่ควรจะสอน :ประมาณต้นศตวรรษที่ 11 โรงพยาบาลอิสลามมีวอร์ดรั กษาคนโรคจิตโดยเฉพาะ พวกเขาได้รับการรักษาพวกเขาได้ รับเมตตาและสันนิษฐานว่ าโรคของพวกเขาเป็นจริงในช่ วงเวลาที่คนบ้าถูกเผาทั้งเป็ นในยุโรปเป็นประจำ เหมือนเป็นแม่มดและพ่อมดกระนั้น มีการนำวิธีการรักษาเพื่อบำบั ดความเจ็บป่วยทางจิตมาใช้ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ผู้ป่วยเป็นโรคจิตได้รั บการรักษาด้วยการดูแลสนับสนุนทั ้งจากยาและจิตบำบัด ทุกเมืองสำคัญๆของอิสลามมี โรงพยาบาลรักษาโรคจิตที่ผู้ป่ วยได้รับการรักษาฟรีไม่มีค่าใช้ จ่ายใดๆตามความจริงแล้ว อิสลามเหนือกว่าในเรื่องการรั กษาผู้ป่วยทางจิตเมื่อเปรียบเที ยบกับสมัยปัจจุบัน เนื่องจากมีมนุษยธรรมมากขึ้ นและมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน
41. สิ่งที่สอน:น้ำมันก๊าดถูกผลิตขึ ้นมาครั้งแรกโดยชาวอังกฤษอั บราฮัม เกสเนอร์ในปี 1853 เขากลั่นมันออกมาจากยางมะตอย
สิ่งที่ควรจะสอน :นักเคมีชาวมุสลิมผลิตน้ำมันก๊ าดด้วยการกลั่นจากผลิตภัณฑ์ปิ โตรเลียมมานานกว่า 1,000 ปีก่อนเกสเนอร์(ดูสารานุกรมบริ แทนิกาภายใต้หัวข้อการปิโตรเลี ยม)