วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

สิงที่ไม่มีสอนในโรงเรียน ตอนที่ 3/4

สิ่งที่ไม่สอนในโรงเรียน (ตอนที่ 3/4)

 21.สิ่งที่สอน : มนุษย์คนแรกที่จำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ของคนคือชาวเยอรมันชื่อโยฮันน์ เอฟ บลูเมนบาช เขาได้จัดแบ่งประเภทของมนุษย์ออกเป็นคนผิวขาว, ผิวเหลือง, ผิวน้ำตาล, ผิวดำ และผิวแดง
สิ่งที่ควรจะสอน : นักวิชาการมุสลิมตั้งแต่ศตวรรษ 9 ถึงศตวรรษที่ 14 ได้คิดค้นศาสตร์ด้านกลุ่มชาติพันธุ์ นักภูมิศาสตร์ชาวมุสลิมจำนวนหนึ่งจัดแบ่งเผ่าพันธุ์ โดยเขียนคำอธิบายรายละเอียดของนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาทางวัฒนธรรมและทางกายภาพ พวกเขาเขียนเรื่องนี้หลายพันหน้า งานของบลูเมนบาชถือเป็นเรื่องสัพเพเหระเมื่อเทียบกับงานของพวกเขา



 22.สิ่งที่สอน : ศาสตร์ทางด้านภูมิศาสตร์ฟื้นฟูขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 15, 16 และ 17 เมื่อ ปโตเลมีค้นพบงานเก่าแก่ในยุคโบราณ การเดินทางของนักรบครูเสดและชาวโปรตุเกส/เสปนก็มีส่วนกระตุ้นในเรื่องนี้ ตำราวิทยาศาสตร์ที่กล่าวเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ถูกผลิตขึ้นมาใช้ในช่วงเวลานี้โดยนักวิชาการของยุโรป
สิ่งที่ควรจะสอน : นักภูมิศาสตร์ชาวมุสลิมเป็นผู้ผลิตหนังสือเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของทวีปแอฟริกา, เอเชีย, อินเดีย, จีนและอินดี้ โดยไม่บอกจำนวนเล่มในช่วงศตวรรษที่ 8 ถึงศตวรรษที่ 15 งานเขียนเหล่านี้รวมถึงสารานุกรมทางภูมิศาสตร์เล่มแรกของโลก ปฏิทินบันทึกเหตุการณ์ และแผนที่ถนน จำนวนผลงานชิ้นเอกของอิบนุบะทูทะฮฺในศตวรรษที่ 14 ให้มุมมองที่ละเอียดเกี่ยวกับสภาพทางภูมิศาสตร์ของโลกยุคโบราณ นักภูมิศาสตร์ชาวมุสลิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 จนถึงศตวรรษที่ 15 ไปไกลเกินกว่าข้อมูลที่ส่งออกมาจากยุโรปเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของภูมิภาคนี้ในศตวรรษที่ 18 มากนัก สงครามครูเสดนำไปสู่​​การล่มสลายของสถาบันการศึกษา นักวิชาการ และหนังสือของพวกเขา พวกเขาไม่ได้นำอะไรเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ที่สำคัญๆมาสู่โลกตะวันตกเลย

23.สิ่งที่สอน :ในศตวรรษที่ 17 โรเบิร์ตบอยล์ เป็นผู้ก่อกำเนิดวิชาเคมี
สิ่งที่ควรจะสอน : ความหลากหลายของนักเคมีชาวมุสลิมรวมทั้งอัร รอซี, อัล ญับรฺ, อัล บิรูนี่ และอัลคินดี้ ได้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในด้านเคมีมาประมาณ 700 ปีแล้วก่อนจากบอยล์เสียอีก ดูแรนต์เขียนว่าชาวมุสลิมเป็นผู้นำวิธีการทดลองมาใช้กับศาสตร์ในด้านนี้ ฮัมโบลด์เห็นว่ามุสลิมเป็นผู้ก่อตั้งวิชาเคมี


24.สิ่งที่สอน :เลโอนาร์โด ดาวินชี (แห่งศตวรรษที่ 16) ก่อให้เกิดวิชาธรณีวิทยาเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าฟอสซิลที่พบบนภูเขาเป็นสิ่งระบุต้นกำเนิดน้ำของโลก
สิ่งที่ควรจะสอน :อัลบิรูนี่ (ในศตวรรษที่ 11) ทำการสำรวจเรื่องนี้อย่างแม่นยำ และเสริมเข้าไปมากกว่านั้นอีก รวมทั้งหนังสือธรณีวิทยาเล่มใหญ่ ซึ่งมีมาหลายร้อยปีก่อนที่ดาวินชีเกิดเสียอีก อิบนุซินากล่าวเช่นนั้นเหมือนกัน อาจเป็นไปได้ว่าดาวินชีไปเรียนรู้แนวคิดนี้มาจากตำราภาษาละตินที่แปลมาจากตำราอิสลาม เขาไม่ได้เสริมอะไรเพิ่มเข้าไปเลยจากการค้นพบของพวกเขา


25.สิ่งที่สอน :ครั้งแรกในการกล่าวถึงการก่อตัวทางธรณีวิทยาของหุบเขาเกิดขึ้นในปี 1756 เมื่อนิโคลัส เดสมาเรสท์ เสนอแนวคิดว่าหุบเขาได้ใช้เวลาอันยาวนานในการก่อตัวด้วยลำธาร
สิ่งที่ควรจะสอน : อิบนุซินาและอัลบิรูนี่ทำการค้นพบครั้งนี้อย่างแม่นยำในช่วงศตวรรษที่ 11  700 ปีเต็มก่อนยุคของเดสมาเรสท์


26.สิ่งที่สอน : กาลิเลโอ (ในศตวรรษที่ 17) คือนักทดลองที่ยิ่งใหญ่คนแรกของโลก
 สิ่งที่ควรจะสอน : อัลบิรูนี่ (ในปีคริสต์ศักราช 1050) เป็นนักทดลองที่ยิ่งใหญ่คนแรกของโลก เขาเขียนหนังสือกว่า 200 เล่ม ซึ่งมีมากมายหลายเล่มกล่าวเกี่ยวกับการทดลองของเขาได้อย่างแม่นยำ ผลงานวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์ของเขามีจำนวนถึงประมาณ 13,000 หน้า เกินกว่าที่เขียนโดยกาลิเลโอ หรือทั้งของกาลิเลโอและนิวตันรวมกันในเรื่องนี้เสียอีก

 27.สิ่งที่สอน : จิโอแวนนี่ มอร์กแอกนี่ ชาวอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งวิชาพยาธิวิทยาเพราะเขาเป็นคนแรกที่อธิบายลักษณะของโรคได้อย่างถูกต้อง
สิ่งที่ควรจะสอน : บรรดาศัลยแพทย์อิสลามเป็นนักพยาธิวิทยาคนแรกๆ พวกเขารู้จักลักษณะของโรค และอธิบายความหลากหลายของโรคในรายละเอียดที่ทันสมัย อิบนุซุฮฺรฺ อธิบายถึงลักษณะของโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ วัณโรค และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบได้อย่างถูก ต้อง อัซซะฮฺรอวี เขียนข้อมูลพยาธิวิทยาของ ไฮโดรเซฟฟอรัส (น้ำในสมอง) และโรคประจำตัวอื่น ๆ ได้อย่างถูกต้อง อัลคัฟ และอิบนุนัฟซฺ ให้รายละเอียดของโรคการไหลเวียนโลหิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ศัลยแพทย์ชาวมุสลิมอื่นๆได้ให้คำอธิบายที่ถูกต้องเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับโรคมะเร็งบางโรครวมทั้งโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ลำไส้ และหลอดอาหาร ศัลยแพทย์เหล่านี้ต่างหากที่เป็นผู้ก่อตั้งวิชาพยาธิวิทยา ไม่ใช่ จิโอแวนนี่ มอร์กแอกนี่


28.สิ่งที่สอน : พอลล์ เอห์ลิช (ในศตวรรษที่ 19) เป็นผู้ก่อกำเนิดยาเคมีบำบัดที่ใช้ยาเฉพาะเจาะจงในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์
สิ่งที่ควรจะสอน : แพทย์มุสลิมที่ใช้สารเฉพาะอย่างหลากหลายในการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ พวกเขาใช้กำมะถันทาเฉพาะที่เพื่อจะฆ่าไรหิด อัรรอซี (ในศตวรรษที่ 10) ใช้สารปรอทเป็นสารระงับเชื้อเฉพาะที่


29.สิ่งที่สอน : แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ผลิตโดยการผ่านการกลั่นครั้งแรกโดยอาร์โนล์ เดอวิลลาโนวา นักเล่นแร่แปรธาตุชาวสเปนในปี ค.ศ. 1300
สิ่งที่ควรจะสอน : นักเคมีมุสลิมจำนวนมากผลิตแอลกอฮอล์ยาผ่านการกลั่นตั้งแต่ช่วงต้นๆของศตวรรษที่ 10 และผลิตอุปกรณ์การกลั่นเครื่องแรกๆสำหรับใช้ในงานเคมีเป็นจำนวนมาก พวกเขาใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลาย และเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อ


30.สิ่งที่สอน : การผ่าตัดครั้งแรกด้วยการดมยาสลบ ดำเนินการในปีค.ศ.1845 โดย ซี. ดับบลิว. ลอง ชาวอเมริกัน
สิ่งที่ควรจะสอน : หกร้อยปีก่อน ซี. ดับบลิว. ลอง มุสลิมชาวสเปนชื่อ อัซซะฮฺ ราวี และอิบนุ ซุฮฺรฺ จากบรรดาศัลยแพทย์ชาวมุสลิม ได้ทำการผ่าตัดหลายร้อยครั้งด้วยการสูดดมยาสลบ โดยใช้ฟองน้ำชุ่มยาโปะที่บนใบหน้า


สิ่งที่ไม่มีสอนในโรงเรียน ตอนที่ 2/4

สิ่งที่ไม่สอนในโรงเรียน  (ตอนที่ 2 / 4)


  1. สิ่งที่สอน : บุคคลแรกที่นำสัญลักษณ์ทางพีชคณิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์คือนักคณิตศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส ชื่อฟรังซัวร์ วีต้า เขาเขียนหนังสือพีชคณิตในปี 1591 อธิบายสมการด้วยตัวอักษร เช่นที่คุ้นเคยอยู่ในขณะนี้เช่น x และ y อาซิมอฟ กล่าวว่า การค้นพบนี้มีผลกระทบคล้ายกับ ความก้าวหน้าจากเลขโรมันไปสู่ตัวเลขอารบิก
สิ่งที่ควรจะสอน : นักคณิตศาสตร์มุสลิม ผู้คิดค้นพีชคณิต เป็นผู้แนะนำแนวคิดในเรื่องของการใช้ตัวอักษรเป็นตัวแปรที่ไม่ทราบค่าในเลขสมการตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 9 ด้วยกับระบบนี้พวกเขาแก้ไขความหลากหลายของสมการที่ซับซ้อนรวมทั้งสมการซึ่งเป็นลูกบาศก์และเป็นสมการที่มีตัวไม่รู้ค่าเป็นจำนวนยกกำลังสอง พวกเขาใช้สัญลักษณ์ในการพัฒนาทฤษฎีบททวินามและทำให้ทฤษฎีนี้สมบูรณ์




  1. สิ่งที่สอน : สมการลูกบาศก์ที่ยากๆ (เช่น x พลังงานที่สาม) ยังคงติดใจอยู่จนกระทั่งศตวรรษที่ 16 เมื่อนิโคโล่ ทารทักเลีย นักคณิตศาสตร์ ชาวอิตาลี แก้ปัญหาเหล่านี้ให้
 สิ่งที่ควรจะสอน : สมการลูกบาศก์และสมการที่มีตัวเลขหลากหลายหรือแม้แต่ที่ยากกว่านั้นได้รับการแก้ได้อย่างง่ายดาย โดย นักคณิตศาสตร์ชาวมุสลิมตั้งแต่ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 10



  1. สิ่งที่สอน : แนวความคิดที่ว่าอาจจะมีตัวเลขที่น้อยกว่าศูนย์เป็นตัวเลขติดลบ ไม่มีใครรู้จนกระทั่งในปี 1545 เมื่อ เจอโรนิโม คาร์ดาโน่ ได้นำแนวคิดในเรื่องเลขศูนย์มาใช้
สิ่งที่ควรจะสอน : นักคณิตศาสตร์มุสลิมได้ริเริ่มนำตัวเลขติดลบมาใช้ในความหลากหลายของฟังก์ชั่นทางคณิตศาสตร์ อย่างน้อย 400 ปีก่อน เจอโรนิโม คาร์ดาโน่


  1. สิ่งที่สอน : ในปี 1614 จอนห์ แนปิเออร์ เป็นผู้คิดค้นลอการิทึมและตารางลอการิทึม
 สิ่งที่ควรจะสอน : นักคณิตศาสตร์มุสลิมคิดค้นลอการิทึมและผลิตตารางลอการิทึมมาก่อนนั้นหลายร้อยปี ตารางดังกล่าวเป็นเรื่องปกติในโลกอิสลามในช่วงต้นๆของศตวรรษที่ 13



  1. สิ่งที่สอน : ในช่วงศตวรรษที่ 17 รีน ดิสคาร์ทิส ค้นพบว่าสามารถนำพีชคณิตมาใช้ในการแก้ปัญหาทางเรขาคณิตได้ ด้วยเรื่องนี้ ทำให้เขาก้าวหน้าไปมากในศาสตร์ของเรขาคณิต
สิ่งที่ควรจะสอน : คณิตศาสตร์ของจักรวรรดิอิสลามประสบความสำเร็จอย่างแม่นยำ ในช่วงต้นๆของศตวรรษที่ 9 ซาบิท อิบนุ กุรเราะฮฺ เป็นคนแรกที่ และหลังจากเขาตามมาด้วย อาบุ้ล วาฟา เจ้าของหนังสือในศตวรรษที่ 10 ที่ใช้พีชคณิตสร้างความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นกับเรขาคณิตนำไปสู่การเป็นศาสตร์ที่แน่นอนและทำให้ดูง่ายขึ้น



  1. สิ่งที่สอน : ในช่วงศตวรรษที่ 17 ไอแซกนิวตันได้พัฒนาทฤษฎีบททวินาม (ทฤษฎีที่ว่าด้วยการกระจาย) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการศึกษาในวิชาพีชคณิต
สิ่งที่ควรจะสอน :  นักคณิตศาสตร์มุสลิมหลายร้อยคนได้นำ “ทฤษฎีบททวินาม” มาใช้และทำให้สมบูรณ์ พวกเขาเริ่มนำมาใช้งานกับการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบของพีชคณิตในช่วงศตวรรษที่ 10 (หรือก่อนหน้านั้นอีก)



  1. สิ่งที่สอน : วิชาดาราศาสตร์โบราณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของดาวเคราะห์ไม่ได้รับการปรับปรุงเลยในช่วงยุคกลางจนกระทั่งศตวรรษที่ 13 อัลฟอนโซ นักปราชญ์แห่งคัสไตล์ (สเปนกลาง) ได้คิดค้นตารางอัลฟอนไซน์ ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าของปโตเลมี
สิ่งที่ควรจะสอน :  นักดาราศาสตร์ชาวมุสลิมได้ทำการปรับปรุงอย่างมากมายบนผลการวิจัยของปโตเลมีตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 9 พวกเขาเป็นนักดาราศาสตร์กลุ่มแรกที่โต้แย้งความคิดโบราณของเขา ในนักวิจารณ์ของชาวกรีก พวกเขารวบรวมหลักฐานว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะและวิถีโคจรของโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นจะเป็นรูปวงรี พวกเขาผลิตตารางดาราศาสตร์และแผนภูมิดาวที่มีความแม่นยำสูงหลายร้อยตาราง ผลงานการคำนวณหลายๆชิ้นของพวกเขานั้นนับได้อย่างชัดเจนว่ามีความร่วมสมัย  ตารางอัลฟอนไซน์ เป็นสิ่งเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสำเนางานดาราศาสตร์ที่ส่งผ่านจักรวรรดิอิสลามในสเปนไปยังยุโรป ตัวอย่างเช่น ตารางโทเลโด เป็นต้น



  1. สิ่งที่สอน : นักวิชาการภาษาอังกฤษโรเจอร์เบคอน ในปี 1292 กล่าวถึงเลนส์แก้วสำหรับปรับปรุงวิสัยทัศน์ก่อน ในเวลาไล่เลี่ยกัน สามารถเห็นแว่นตาในการใช้งานทั้งในประเทศจีนและยุโรป
สิ่งที่ควรจะสอน : อิบนุ ฟิรนาส ของอิสลามสเปน เป็นผู้คิดค้นแว่นตาขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9 และแว่นตาได้ถูกผลิต และจำหน่ายทั่วสเปนมานานกว่าสองศตวรรษ สิ่งใดในเรื่องของแว่นตาที่   โรเจอร์เบคอนกล่าวถึงนั้น เป็นเพียงเทพนิยายในการทำงานของอัลฮัยตัม (ในปี 1039) ที่โรเจอร์เบคอนชอบเอามาอ้างอิงอยู่บ่อยๆเท่านั้นเอง



  1. สิ่งที่สอน :ดินปืนได้รับการพัฒนาในโลกตะวันตก เป็นผลมาจากการทำงานของโรเจอร์เบคอนในปี 1242 ดินปืนในอาวุธถูกใช้งานครั้งแรกเมื่อจีนยิงมันออกมาจากลำไผ่เพื่อพยายามที่จะขู่ทหารมองโกล พวกเขาผลิตมันขึ้นมาด้วยการเพิ่มกำมะถันและถ่านดินประสิวลงไป
 สิ่งที่ควรจะสอน : จีนพัฒนาดินประสิวขึ้นมาเพื่อใช้งานกับดอกไม้ไฟ และไม่รู้ยุทธวิธีอะไรทางการทหารที่เกี่ยวกับดินปืนเลย และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นผู้นำสูตรมันมาด้วย การวิจัยของเรอินูอาด และ เฟ้บ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านักเคมีชาวมุสลิมเป็นผู้ริเริ่มสูตรดินปืนเป็นรายแรก นอกจากนี้นักประวัติศาสตร์เหล่านี้ยังอ้างหลักฐานอีกว่าชาวมุสลิมเป็นผู้พัฒนาอาวุธเป็นเจ้าแรก เป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่ากองทัพมุสลิมที่ใช้ระเบิดและอาวุธอื่นๆในการต่อสู้กับแฟรงค์เพื่อปกป้องดินแดนอัลเจอริคัสของพวกเขาในช่วงศตวรรษที่ 14 ฌอน แมททิส บ่งบอกว่าเจ้าเมืองชาวมุสลิมมีกอง วัตถุระเบิด, ปืน, ปืนใหญ่น้ำมันดิบ, อาวุธเชื้อเพลิง, ระเบิดกำมะถัน และปืนพกเก็บสะสมไว้ในคลังมานานกว่าทศวรรษ ก่อนที่อาวุธดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในยุโรป ปืนใหญ่ถูกกล่าวถึงครั้งแรกเป็นข้อความภาษาอาหรับในปีคริสต์ศักราช 1300 โรเจอร์เบคอนเรียนรู้สูตรสำหรับดินปืนจากหนังสือภาษาละตินที่แปลมาจากภาษาอาหรับ เขาไม่ได้นำสร้างอะไรออกมาใหม่เลยในเรื่องนี้



  1. สิ่งที่สอน : เข็มทิศถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดยชาวจีนผู้ที่อาจจะเป็นคนแรกที่ใช้มันในวัตถุประสงค์เพื่อการเดินเรือ ในช่วงระหว่างปีคริสต์ศักราชที่ 1000 และ 1100 แต่อ้างอิงที่เก่าแก่ที่สุดในการใช้งานระบบนำทางนั้นเป็นของชาวอังกฤษ ชื่ออเล็กซานเดอร์ เน็คแคม (ปี 1157-1217)
 สิ่งที่ควรจะสอน : นักภูมิศาสตร์และนักเดินเรือชาวมุสลิมเรียนรู้เรื่องของเข็มแม่เหล็กมาจากจีนและเป็นคนแรกที่ใช้เข็มแม่เหล็กในการเดินเรือ พวกเขาคิดค้นเข็มทิศและถ่ายทอดความรู้ในการใช้งานกับการเดินเรือไปยังโลกตะวันตก นักเดินเรือชาวยุโรปอาศัยคนนำร่องชาวมุสลิมและเครื่องมือของพวกเขาในการสำรวจดินแดนใหม่ กุสตาฟเลอบอนอ้างว่าเข็มแม่เหล็กและเข็มทิศที่คิดค้นขึ้นมานั้นทั้งหมดเป็นความคิดของมุสลิมโดยสิ้นเชิง และกล่าวว่าจีนมีส่วนในเรื่องนี้น้อยมาก ทั้งเน็คแคม และคนจีนต่างเรียนรู้มาจากพ่อค้าชาวมุสลิม เป็นน่าสังเกตว่าจีนได้มีการปรับปรุงความเชี่ยวชาญในด้านการเดินเรือของพวกเขาหลังจากที่พวกเขาเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับชาวมุสลิมในช่วงศตวรรษที่ 8

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

สิ่งที่ไม่มีสอนในโรงเรียน ตอนที่ 1/4

1. สิ่งที่สอน : มีกล่าวถึงการบินครั้งแรกของมนุษย์ ว่าเกิดขึ้น โดย โรเจอร์ เบคอน ซึ่งเป็นผู้ร่างระบบกลไกการบิน เลโอนาร์โด ดาวินชี ก็เช่นกัน เขาได้รับการบอกในความรู้สึก ถึงการขนส่งทางอากาศ และร่างต้นแบบหลายๆแบบขึ้นมา
สิ่งที่ควรจะสอน : อิบนุ ฟิรนาส อิสลามในสเปน เป็นผู้คิดค้น สร้าง และทดสอบเครื่องที่ใช้บิน ในปีคริสต์ศักราชที่ 800 โรเจอร์ เบคอน เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องที่ใช้บินจากตำราภาษาอาหรับของ อิบนุ ฟิรนาส สิ่งประดิษฐ์อันหลังนี้ห่างกัน 500 ปีและของ ดาวินชี ประมาณ 700 ปี

2. สิ่งที่สอน : กระจกเงาถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1291 ในเวนิซ
สิ่งที่ควรจะสอน : กระจกเงาถูกนำมาใช้ในอิสลามสเปน ในช่วงต้นๆ ของศตวรรษที่ 11     ชาวเวนิส เรียนรู้ศิลปะของการผลิตแก้วจากช่างฝีมือชาวซีเรียในช่วงศตวรรษที่ 9 และ 10
 

3. สิ่งที่สอน: จนกระทั่งในศตวรรษที่ 14 นาฬิกาที่มีอยู่เป็นเพียงนาฬิกาน้ำเท่านั้น  ในปี 1335 นาฬิกาเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นในมิลาน ประเทศ อิตาลี นี่น่าจะเป็นนาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยตุ้มน้ำหนักเครื่องแรก
สิ่งที่ควรจะสอน : ความหลากหลายของนาฬิกาเครื่องจักรกลผลิตโดยวิศวกรมุสลิมชาวสเปน ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก และความรู้นี้ถูกถ่ายทอดไปยังยุโรปผ่านการแปลเป็นภาษาละตินจากหนังสืออิสลามในเรื่องกลศาสตร์ นาฬิกาเหล่านี้เป็นชนิดที่ทำงานด้วยน้ำหนัก มีแบบและภาพบรรยายประกอบของระบบหมุนรอบแกนกลาง และมีเฟืองแต่ละส่วน นาฬิกาดังกล่าวมีเฟืองแกว่งเป็นปรอท ประเภทหลังนี้ถูกชาวยุโรปคัดล อกไปตรงๆในช่วงศตวรรษที่ 15 นอกจากนี้ วิลล์ ดูแรนท์ กล่าวว่า ในระหว่างศตวรรษที่ 9 อิบนุ ฟิรนาส อิสลามชาวสเปน ได้คิดค้นอุปกรณ์เหมือนนาฬิกาขึ้นมาซึ่งช่วยรักษาเวลาได้อย่างเที่ยงตรง ชาวมุสลิมยังสร้างนาฬิกาดาราศาสตร์ที่มีความแม่นยำสูงขึ้นมาอย่างหลากหลายสำหรับใช้ในหอดูดาวของพวกเขาอีกด้วย

4. สิ่งที่สอน ในศตวรรษที่ 17 ลูกตุ้มได้รับการพัฒนา โดย กาลิเลโอ ในช่วงวัยรุ่นของเขา  เขาสังเกตเห็นโคมระย้าโยกไปมาเมื่อถูกลมพัด เป็นผลให้เขากลับบ้านไปคิดค้นลูกตุ้มขึ้นมาใช้
สิ่งที่ควรจะสอน : ลูกตุ้มถูกค้นพบโดย อิบนุ ยูนุส อัล มัสรี่ ในช่วงศตวรรษที่ 10 เขาเป็นคนแรกที่ศึกษา และบันทึกข้อมูลไว้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวไกวแกว่งของมัน นักฟิสิกส์ชาวมุสลิมนำคุณประโยชน์ของมันมาใช้กับนาฬิกาในช่วงศตวรรษที่ 15
 

5. สิ่งที่สอน เครื่องพิมพ์และโรงพิมพ์ เกิดขึ้นในตะวันตกโดยโจฮัน กูเทนเบิร์กเยอรมนี ในช่วงศตวรรษที่ 15
สิ่งที่ควรจะสอน : ในปี 1454 กูเทนเบิร์กพัฒนาเครื่องพิมพ์ที่ทันสมัยที่สุดในยุคกลาง แต่ประเภททองเหลืองเคลื่อนย้ายได้นั้นถูกใช้ในอิสลามสเปนมาก่อนแล้วเป็น 100 ปี และที่นั่นคือที่สร้างอุปกรณ์การพิมพ์เครื่องแรกของชาวตะวันตก

6. สิ่งที่สอน การศึกษาค้นคว้าของไอแซกนิวตันในศตวรรษที่ 17 เกี่ยวกับเลนส์ แสง และปริซึม เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในเรื่องแว่นตา
สิ่งที่ควรจะสอน : ในศตวรรษที่ 1 อัลฮัยตัมเป็นผู้กำหนดเกือบทุกสิ่งที่นิวตันพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องเลนส์ก่อนจากนั้นหลายศตวรรษ และได้รับการยกย่องจากผู้ที่รอบรู้จำนวนมากว่าเป็น "ผู้สร้างแว่นตา" มีข้อสงสัยนิดหน่อยว่านิวตันคงได้รับอิทธิพลมาจากเขา อัลฮัยตัมเป็นนักฟิสิกส์แนวหน้าจากยุคกลาง ผลงานของเขาถูกนักวิชาการยุโรปจำนวนมากนำมาใช้ประโยชน์และใช้อ้างอิงในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 มากกว่าผลงานของนิวตันกับกาลิเลโอรวมกันเสียอีก

7. สิ่งที่สอน ในช่วงศตวรรษที่17 ไอแซกนิวตันได้พบว่าแสงขาวประกอบด้วยรังสีต่างๆของแสงสี
สิ่งที่ควรจะสอน : อัลฮัยตั้ม (ในศตวรรษที่ 11) และกะม้าล อั้ด ดีน (ในศตวรรษที่ 14) เป็นผู้ค้นพบสิ่งนี้โดยสมบูรณ์ทั้งหมด นิวตันได้ทำการค้นพบต้นแบบบางอย่าง แต่ไม่ใช่หนึ่งจากสิ่งเหล่านี้เลย

8. สิ่งที่สอน แนวคิดในเรื่องขอบเขตธรรมชาติของสสารถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกโดยแอนทิโอนี่ ลา-วอยซิเออร์ ในช่วงศตวรรษที่ 18 เขาค้นพบว่า ถึงแม้ว่าสสารจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรือรูปทรง แต่มวลของมันจะยังคงเหมือนเดิม ดังนั้น ยกตัวอย่างเช่น การที่น้ำถูกทำให้ร้อนจนกลายเป็นไอ เกลือละลายในน้ำ หรือในกรณีที่ชิ้นส่วนของไม้ถูกเผาไหม้กลายเป็นขี้เถ้าไป แต่มวลรวมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ควรจะสอน : หลักการของการค้นพบครั้งนี้ถูกบรรจงเขียนขึ้นมาหลายศตวรรษก่อนนักวิชาการสำคัญๆในอิสลามเปอร์เซีย อัล บิรูนี (1050) ลา-วอยซิเออร์ เป็นศิษย์ของนักเคมีและนักฟิสิกส์ชาวมุสลิมและมักจะใช้หนังสือของพวกเขาในอ้างอิงอยู่บ่อยครั้ง
 

9. สิ่งที่สอน ชาวกรีกเป็นนักพัฒนาวิชาตรีโกณมิติ
สิ่งที่ควรจะสอน : ตรีโกณมิติ ส่วนใหญ่ยังคงยังเป็นวิทยาศาสตร์เชิงทฤษฎีในหมู่ชาวกรีกอยู่ จนกระทั่งได้รับการพัฒนาไปถึงระดับที่สมบูรณ์แบบที่สุด​​โดยนักวิชาการมุสลิม อย่างไรก็ตามเราจะต้องให้ความน่าเชื่อถือแก่ อัล-บัตตอนี (อับดุลลอฮฺ มุฮัมหมัด อิบนุ ญาบิร อิบนุ ซินาน อัลร้อกกี อัลฮารอนี  ซอเบี้ยะอฺ อัลบัตตอนี – เป็นมุสลิมอาหรับ นักดาราศาสตร์ นักคณิตศาสตร์) คำอรรถาธิบายพื้นฐานฟังค์ชั่นของศาสตร์แขนงนี้ ไซน์ โคไซน์ และแทนเจนต์ ทั้งหมดมาจากภาษาอาหรับ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าผลงานดั้งเดิมของชาวกรีกที่อยู่ในตรีโกณมิตินั้นมีน้อยมาก

10. สิ่งที่สอน การใช้เศษส่วน ทศนิยม ในวิชาคณิตศาสตร์ได้รับการพัฒนาครั้งแรกโดยชาวดัตช์ ชื่อไซม่อน สตีเว่น ในปี 1589 เขาช่วยให้เกิดความก้าวหน้าในด้านวิชาคณิตศาสตร์โดยการเปลี่ยนเศษส่วนยุ่งยากเช่น 1/2 ให้เป็นทศนิยม เช่น 0.5 เป็นต้น
สิ่งที่ควรจะสอน : นักคณิตศาสตร์มุสลิมเป็นคนแรกที่ใช้ทศนิยมแทนเศษส่วนบนเครื่องวัดขนาดใหญ่ หนังสือ "กุญแจสำคัญสู่คณิตศาสตร์" ของอัลคัชฮี เขียนในตอนเริ่มต้นของศตวรรษที่ 15 และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการประยุกต์ใช้ระบบทศนิยม ไปสู่จำนวนเต็ม และ เศษส่วน ดังกล่าว เป็นไปได้สูงมากที่สตีเว่นนำเอาความคิดที่ได้จากการทำงานของอัลคัชฮีนี้ไปยังยุโรป

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

วันนี้ คุณได้คุยกับลูกๆ ของคุณหรือยัง



โดย ดร. อาอิชะฮฺ ฮัมดัน
คุณมีการสนทนาที่มีความหมายร่วมกันบ้างไหม? คุณรู้ไหมว่าลูกๆของคุณประสบความสำเร็จกับเรื่องใดในวันนี้ เขามีความรู้สึกอย่างไร เขามีความกังวลอะไรหรือไม่? ลูกๆของคุณรู้ไหมว่าคุณห่วงใยพวกเขา ในอิสลาม ความสัมพันธ์เครือญาติ และครอบครัวมีความเหนียวแน่นมาก และเป็นสิ่งที่มักจะมีความเกี่ยวพันกันไปตลอดชีวิตของเรา มีผลกระทบที่ร้ายแรงมากสำหรับคนที่ตัดสินใจที่จะทำลายความสัมพันธ์เหล่านี้
อัลลอฮฺ   ตรัสไว้ในกุรอาน ซูเราะฮฺ ที่ 47 อายะฮฺที่ 22 – 23 ว่า...
“ดังนั้นหวังกันว่า หากพวกเจ้าผินหลังให้ (กับการอีมานแล้ว) พวกเจ้าก็จะก่อความเสียหายในแผ่นดิน และตัดความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้ากระนั้นหรือ ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้พวกเขาหูหนวกและทรงทำให้พวกเขาตาบอด”
ท่านศาสดา  กล่าวว่า “ ใครก็ตามที่ทำลายห่วงโซ่สัมพันธ์เครือญาติ จะไม่ได้เข้าสู่สรวงสวรรค์” (อัล​​บุคอรีและมุสลิม)
องค์ประกอบสำคัญของความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราคือการสื่อสาร ตามความเป็นจริงแล้ว โดยปกติ ถึงไม่ต้องสื่อสาร ก็ยังจะมีความสัมพันธ์อยู่แล้วในระหว่างผู้คน ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมในบ้านหลังเดียวกันนั้น การปฏิสัมพันธ์ที่จำกัดหรือการเป็นศัตรูจะทำให้เกิดความไม่พอดีกับเกณฑ์การรักษาความสัมพันธ์เครือญาติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีความหมายในครอบครัวของเรา เราต้องรู้วิธีการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและมีความจริงใจต่อกันและกัน ส่วนหลักๆของสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับทักษะ และวิธีใช้การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติอย่างเพียรพยายาม และใช้ความจริงใจ


ต่อไปนี้คือข้อแนะนำในการเสริมสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้
1) การฟังอย่างกระตือรือร้น
คุณอาจจะประหลาดใจที่พบว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพคือการฟัง ซึ่งหมายความว่าผู้ฟังให้ความสนใจต่อผู้พูดอย่างเต็มที่ และพยายามที่จะเข้าใจคำพูดและความรู้สึกของเขา/เธอ ผู้ฟังควรงดจากการตัดสินใดๆก่อน แต่ให้ความสนใจ และให้ความเคารพในสิ่งที่เขา/เธอพูด แล้วเขาหรือเธออาจจะย้ำเนื้อหา และความรู้สึกที่จะแสดงให้เห็นว่าเขา/เธอก็มีความจริงใจอยู่ ท่านนบี  มักจะให้ความสนใจอย่างเต็มที่เสมอต่อทุกคนที่ท่านพูดคุยด้วย แม้แต่ต่อศัตรูของท่าน และบรรดาผู้ที่ท่านมีความเห็นต่าง
ในทางกลับกัน เมื่อท่านพูดกับสหายของท่าน พวกเขาก็จะตั้งใจฟังท่าน และให้ความสำคัญกับทุกคำที่ท่านกล่าว
2) ระดับความเข้าใจ
พ่อแม่ผู้ปกครองควรตระหนักไว้เสมอถึงอายุและระดับความเข้าใจของลูกๆ และควรพูดคุยกับเขา/เธอตามระดับของพวกเขา ท่านนบี   กล่าวว่า “เมื่อพูดกับผู้คน ให้คำนึงถึงระดับความเข้าใจของพวกเขา ท่านชอบที่จะให้พวกเขาคิดว่าสิ่งที่ท่านบอกพวกเขาจากอัลลอฮฺ  และศาสนทูตของพระองค์นั้นเป็นเรื่องโกหกหรือ?” (อัล​​บุคอรี) นี่เป็นสิ่งสำคัญที่เด็กๆ จะต้องเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดออกไป อย่าให้ความคาดหวังของพ่อแม่นั้นเกินความสามารถของเด็กที่จะรับได้ซึ่งจะกลายมาเป็นต้นเหตุแห่ง​​ปัญหา และอย่าสร้างความยุ่งยากให้กับเด็กโดยไม่จำเป็น
นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจโดยเฉพาะต่อประเด็นที่อ่อนไหวง่าย อย่างเช่นการพูดคุยเรื่องความตาย เรื่องความสงบเสงี่ยมเจียมตนของแต่ละบุคคล และความรับผิดชอบของผู้ใหญ่ ระดับเหล่านี้มีความจุกจิกแตกต่างกันออกไปมากมาย และจะต้องเลือกระดับที่ถูกต้องสำหรับเด็กแต่ละวัย วิธีหนึ่งที่จะตรวจสอบให้แน่ใจได้ว่าเราควรจะใช้วิธีไหนนั้น ให้วัดดูที่ประเภทของคำถามที่เด็กใช้ถามเรา

3) มารยาทของมุอฺมิน (ผู้ศรัทธา )
ผู้ศรัทธาคือคนที่เชื่อมั่นในสาสน์จากอัลลอฮฺ  และปฏิบัติตามซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมหมัด  ในเรื่องความสัมพันธ์นั้น ผู้ศรัทธาจะต้องแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ ความเมตตา ความอดทน อดกลั้น เป็นธรรม มีความน่าเชื่อถือ ฯลฯ เขาจะหลีกเลี่ยงจากการกระเซ้าเย้าแหย่ กล่าวโทษ ดูแคลน เยาะเย้ย พูดมาก พูดไร้สาระ และจับผิด มีโองการกุรอานและอัลฮะดีษจำนวนมากที่ให้คำอธิบายในรายละเอียดของหัวข้อเหล่านี้ไว้ เช่น
แท้จริง อัลลอฮฺทรงอยู่ร่วมกับผู้อดทนทั้งหลาย  (2:153)
จงพูดจาแก่เพื่อนมนุษย์อย่างดี (2:83)
คำพูดที่ดี และการให้อภัยนั้น ดียิ่งกว่าทานที่มีการก่อความเดือดร้อน (2:263)
 “มุสลิมเป็นพี่น้องกัน เขาจะไม่ทำผิดต่อกัน หรือดูถูกกัน หรือทำลายเกียรติกัน”  
(ซอเฮี้ยะหฺมุสลิม)  
และในอีกฮะดีษหนึ่ง ท่านนบี  กล่าวว่า
“สิ่งที่จะทำให้คนส่วนใหญ่เข้าสู่สรวงสวรรค์คือความเกรงกลัวอัลลอฮฺ และมารยาทที่ดีงาม” (อัตติรมิซียฺ)
หลักการเหล่านี้ควรจะนำมาใช้ในการสนทนากับทั้งเด็ก วัยรุ่นและผู้ใหญ่ และก็น่าจะสำคัญมากกว่าสำหรับคนหนุ่มสาว เพราะเราเป็นตัวอย่างสำหรับพวกเขา เราต้องการให้เด็กของเราเรียนรู้อะไร? เราไม่สามารถคาดหวังเอาความเมตตา และความเคารพจากลูกหลานของเราได้หรอก ถ้าเราไม่ให้ความเมตตา และความเคารพต่อพวกเขา




4) หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
ท่านนบี  กล่าวว่า “ถ้าผู้หนึ่งเลิกโต้เถียงเนื่องจากเขาเป็นฝ่ายผิด บ้านหลังหนึ่งในสวนสวรรค์จะถูกสร้างขึ้นสำหรับเขา แต่ถ้าผู้หนึ่งเลิกโต้เถียงแม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม เขาจะได้บ้านหลังหนึ่งในส่วนที่สูงส่งที่สุดของสวนสวรรค์” (อัตติรมิซียฺ) คุณค่าของคำสอนนี้วางอยู่บนหลักความจริงที่ว่าความขัดแย้งและข้อพิพาทนั้นจะนำไปสู่​​ความแตกหักทางความสัมพันธ์ ทำให้เกิดความเคียดแค้น ความเป็นศัตรู และความเกลียดชังกัน ผมได้ทำงานกับหลายๆครอบครัวที่สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว และมันกลายเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาบาดแผลนั้น และนำสมาชิกในครอบครัวกลับมารวมกันให้เหมือนเดิมอีกครั้ง ในที่สุด เราก็พูดได้แค่ว่ามันไม่น่าเลวร้ายถึงขั้นนี้เลย
ให้เราทั้งหมดทำการปรับปรุงรูปแบบของการสื่อสาร และปรับปรุงความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่นๆให้ดี เมื่อลูกของเรารู้สึกว่าพ่อแม่ของพวกเขาเข้าใจพวกเขา และยินดีที่จะรับฟังพวกเขา พวกเขาก็จะเปิดหัวใจของพวกเขา และพัฒนาความไว้วางใจให้เพิ่มขึ้น การเรียนการสอน ที่มีประสิทธิภาพ และมีระเบียบวินัยนั้น ไม่สามารถดำเนินการไปได้โดยไม่มีความไว้วางใจกัน ความเข้าใจกัน และความเคารพซึ่งกันและกันในระดับอันควร หากเรามีความกังวลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของบุตรหลานของเราที่ไม่ใช่ในแบบมุสลิม และมันมีผลกระทบต่อวิธีการที่เราใช้กับพวกเขา ทางที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือสอน และให้คำแนะนำที่ดีแก่พวกเขา ให้พวกเขามีความรับผิดชอบ จงไว้วางใจพวกเขา และให้พวกเขารู้ว่าเราห่วงใยพวกเขา จากนั้นก็ขอดุอาอฺ (วิงวอนอัลลอฮฺ) และเชื่อในความกรุณา และความช่วยเหลือจากพระองค์ นี่เป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเราท่ามกลางสังคมโลกที่ไม่เชื่อในอัลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่จะผูกเราแต่ละคนเข้าด้วยกันเป็นครอบครัว และเป็นที่มาแห่งความสุขและความพึงพอใจในบ้านของเราด้วยเถิด อามีน





แบ่งเวลาในแต่ละวันพูดคุยกับลูกๆของเรา หากเรามีลูกมากกว่าหนึ่งคน แต่ละคนควรจะได้รับเวลาแบบส่วนตัวกับเราในปริมาณที่เท่าๆกัน
อ่านหนังสือเกี่ยวกับอิสลามกับลูกๆของเราที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับผู้อื่น และเรื่องราวเกี่ยวกับบรรดานบี  และบรรดาซอฮาบะฮฺ  เรื่องราวเหล่านี้จะให้แนวทางที่จำเป็นกับเรา พร้อมทั้งแรงบันดาลใจ
ลองบันทึกการสนทนาของเราเอาไว้สักครั้ง และลองให้คะแนนตัวเอง หรือให้คนอื่นเป็นฝ่ายแนะนำเรา นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบส่วนที่แย่ๆของเรา และจะนำไปสู่การปรับปรุง
ขอการแนะนำจากผู้ปกครองคนอื่นๆเมื่อมีความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มี ประสบการณ์มากกว่า การทำเช่นนี้อาจช่วยประหยัดเวลา และหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่ไม่น่าจะเกิด และไม่ต้องเจ็บปวดใจ