วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Ar-Rahman Ar-Raheem 1

Ar-Rahman Ar-Raheem
(ตอนที่ 1/3)

อัร-เราะฮฺมาน อัร-รอฮีม
     มันทั้งสองคือคุณลักษณะของอัลลอฮฺ,และเป็นสองพระนามจากบรรดาพระนามอันไพรจิตของพระองค์ และทั้งสองคำนี้เป็นคำนามที่ได้มาจากคำกิริยา ร่อ-ฮิ-ม่ะ
    ทั้งสองถูกพูดถึงในอัลกุรอาน หลายต่อหลายครั้ง เป็นที่น่าสนใจว่า อัร-เราะฮฺมาน ถูกพูดถึง 57 ครั้ง และ อัร-รอฮีม 114 ครั้ง (114 คือสองเท่าของ 57), เราจะซาบซึ้งถึงความแตกต่างในจำนวนเหล่านี้ก็ต่อเมื่อ เราได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างในความหมายระหว่าง เราะฮฺมาน และ รอฮีม
    ในฮะดีษอัลกุ้ดซียฺมีรายงานว่า รอซูลของอัลลอฮฺกล่าวว่า อัลออฮฺกล่าวว่า : ข้าคือ  อัร-เราะฮฺมาน และข้าได้สร้าง รอฮีม (มดลูก) และตั้งชื่อมันตามชื่อของข้าเอง.
    ทำไมอัลลอฮฺทรงทำลักษณะนี้ ? เหตุก็เพราะว่ามดลูกของมารดานั้นเป็นตัวอย่างเพื่ออธิบายว่าความเมตตาต้องมีอะไรบ้าง. มดลูกของมารดาคือแหล่งของการปกป้อง,มันคือสถานที่ของการที่ผู้หนึ่งจะเติบโตและพัฒนาและถูกหล่อเลี้ยงในรูปแบบที่ไม่มีที่ใดเสมอเหมือน.
    ยังมีอีกประเภทหนึ่งของความเมตตา ซึ่งเรียกว่า เราะฟะหฺ (ความเห็นอกเห็นใจ) จากคำนี้เราได้พระนามหนึ่งของอัลลอฮฺ คือ อัร-รออูฟ, โดยทั่วไปจะแปลว่า,ผู้ทรงปรานีเอ็นดู.

ความแตกต่างระหว่าง รอฮัม และ เราะฟะหฺ
    เราะฟะหฺ; (ความเห็นอกเห็นใจ) ทุกๆคนรู้จักความเห็นอกเห็นใจของมนุษย์ เป็นเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับความอ่อนโยนและการมีน้ำใจ. ดังนั้น เมื่อคุณได้ช่วยเหลือคนบางคนที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือ คุณได้แจกจ่ายของขวัญมากมายให้คนบางคน, คนที่คุณได้แสดงการกระทำข้างต้นให้เขาจะสามารถรับรู้และเข้าใจ (ถึงความเห็นอกเห็นใจนี้) ได้
    เราะฮฺมาน; (ความเมตตา) มีด้านหนึ่งของ เราะฟะหฺ อยู่ คือ ความอ่อนโยน/ความมีน้ำใจ แต่บางครั้งผู้หนึ่งได้มีเมตตาต่ออีกผู้หนึ่งแต่ทว่าผู้นั้นซึ่งได้รับความเมตตาอาจไม่สามารถรับรู้และเข้าใจสิ่งนั้นว่ามันคือความเมตตา.
    ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของเรื่องนี้ตัวอย่างหนึ่ง คือ เมื่อพ่อแม่อบรมสั่งสอนระเบียบวินัยให้ลูก, พวกเขาทำไปเพราะต้องการลงโทษลูก หรือ เพราะความเมตตาที่มีต่อลูกของพวกเขา ? แน่นอน มันเป็นเพราะความเมตตา เพราะพ่อแม่ต้องการให้ลูกเป็นคนซื่อตรงและถูกฟูมฟักด้วยแนวทางที่ถูกต้อง.
    เมื่อคุณเข้าใจจุดนี้ คุณจะเข้าใจความสับสนของบางคนผู้ซึ่ งกล่าวว่า “หาก อิสลาม เป็นศาสนาแห่งความเมตตาแล้ว ทำไมจึงต้องตัดมือของขโมย หรือ ต้องประหารฆาตกรด้วย ? ” ที่จริงแล้วพวกเขาสับสน เราะฟะหฺ กับ เราะฮฺมะหฺ คือมันอาจไม่สามารถเห็นได้ว่ามันเป็นความเมตตาต่ออาชญากรและต่อสังคม แต่ทว่าในความเป็นจริง สิ่งนี้แหละคือความเมตตา.
    ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจว่า เราะฮฺมัต ของอัลลอฮฺนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่ เราะฟะหฺ แต่มันเป็นมากกว่านั้น.
    ดังนั้นการที่บางคนพูดว่าศาสนานี้เป็นศาสนาที่ยาก เช่น การที่จะต้องละหมาดวันละ 5 เวลา, ต้องถือศีลอดในวันที่ร้อนจัดของฤดูร้อน ในเดือนรอมาฎอน, (โดยคิดว่า) ทำไม อัลลอฮฺจึงกำหนดให้เรา ต้องแบกรับภาระเหล่านี้ด้วย ? สิ่งนี้เกิดขึ้นจากความไม่รู้ของตัวบุคคลเอง เพราะว่าข้อกำหนดเหล่านี้ ในความเป็นจริง มันคือการกระทำที่มาจาก เราะฮฺมะหฺ ของอัลลอฮฺเพื่อพวกเรา.
            และสำหรับบางคน (ที่มีศรัทธาที่สูงส่ง) พวกเขามองสิ่งนี้ (ข้อกำหนดต่างๆของอัลลอฮฺ) ว่าเป็นสิ่งที่เหนือไปกว่าการกระทำแห่งความเมตตา, พวกเขามองมันเสมือนเป็นการกระทำแห่ง เราะฟะหฺ. ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น การให้ทาน, การถือศีลอดในวันที่ยาวนานของฤดูร้อน, การยืนขึ้นเพื่อละหมาดในยามค่ำคืนที่ยาวนานและหนาวเหน็บของ ฤดูหนาว, การเลี้ยงดูเด็กกำพร้า และอื่นๆ ก็ดี เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ (บางคน) มองว่ามันเป็นดั่ง ของขวัญ จากอัลลอฮฺ. เป็นไปได้อย่างไร ? ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น สื่อ ที่จะทำให้บุคคลหนึ่งสามารถเข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺได้.