Ar-Rahman Ar-Raheem
(ตอนที่ 1/3)
อัร-เราะฮฺมาน อัร-รอฮีม
มันทั้งสองคือคุณลักษณะของอั ลลอฮฺ,และเป็ นสองพระนามจากบรรดาพระนามอั นไพรจิตของพระองค์ และทั้งสองคำนี้เป็นคำนามที่ได้ มาจากคำกิริยา ร่อ-ฮิ-ม่ะ
ทั้งสองถูกพูดถึงในอัลกุ รอาน
หลายต่อหลายครั้ง เป็นที่น่าสนใจว่า อัร-เราะฮฺมาน ถูกพูดถึง 57 ครั้ง และ
อัร-รอฮีม 114 ครั้ง (114 คือสองเท่าของ 57), เราจะซาบซึ้งถึงความแตกต่ างในจำนวนเหล่านี้ก็ต่อเมื่อ เราได้เรียนรู้ถึงความแตกต่ างในความหมายระหว่าง เราะฮฺมาน และ รอฮีม
ในฮะดีษอัลกุ้ดซียฺมีรายงานว่า รอซูลของอัลลอฮฺกล่าวว่า อัลออฮฺกล่าวว่า
: ข้าคือ อัร-เราะฮฺมาน และข้าได้สร้าง รอฮีม (มดลูก)
และตั้งชื่อมันตามชื่อของข้ าเอง.
ทำไมอัลลอฮฺทรงทำลักษณะนี้ ? เหตุก็เพราะว่ามดลูกของมารดานั้ นเป็นตัวอย่างเพื่ออธิบายว่ าความเมตตาต้องมีอะไรบ้าง. มดลูกของมารดาคือแหล่ งของการปกป้อง,มันคือสถานที่ ของการที่ผู้หนึ่งจะเติบโตและพั ฒนาและถูกหล่อเลี้ยงในรูปแบบที่ ไม่มีที่ใดเสมอเหมือน.
ยังมีอีกประเภทหนึ่ งของความเมตตา ซึ่งเรียกว่า เราะฟะหฺ (ความเห็นอกเห็นใจ) จากคำนี้เราได้พระนามหนึ่งของอั ลลอฮฺ คือ อัร-รออูฟ, โดยทั่วไปจะแปลว่า,ผู้ทรงปรานี เอ็นดู.
ความแตกต่างระหว่าง รอฮัม และ เราะฟะหฺ
เราะฟะหฺ; (ความเห็นอกเห็นใจ) ทุกๆคนรู้จักความเห็นอกเห็ นใจของมนุษย์ เป็นเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกั บความอ่อนโยนและการมีน้ำใจ. ดังนั้น เมื่อคุณได้ช่วยเหลือคนบางคนที่ ตกทุกข์ได้ยาก หรือ คุณได้แจกจ่ายของขวัญมากมายให้ คนบางคน, คนที่คุณได้แสดงการกระทำข้างต้ นให้เขาจะสามารถรับรู้และเข้าใจ (ถึงความเห็นอกเห็นใจนี้) ได้
เราะฮฺมาน; (ความเมตตา) มีด้านหนึ่งของ เราะฟะหฺ อยู่ คือ ความอ่อนโยน/ความมีน้ำใจ แต่บางครั้งผู้หนึ่งได้มี เมตตาต่ออีกผู้หนึ่งแต่ทว่าผู้ นั้นซึ่งได้รับความเมตตาอาจไม่ สามารถรับรู้และเข้าใจสิ่งนั้ นว่ามันคือความเมตตา.
ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของเรื่ องนี้ตัวอย่างหนึ่ง คือ เมื่อพ่อแม่อบรมสั่งสอนระเบี ยบวินัยให้ลูก, พวกเขาทำไปเพราะต้องการลงโทษลูก หรือ เพราะความเมตตาที่มีต่อลู กของพวกเขา ? แน่นอน มันเป็นเพราะความเมตตา เพราะพ่อแม่ต้องการให้ลูกเป็ นคนซื่อตรงและถูกฟูมฟักด้ วยแนวทางที่ถูกต้อง.
เมื่อคุณเข้าใจจุดนี้ คุณจะเข้าใจความสับสนของบางคนผู ้ซึ่
งกล่าวว่า “หาก อิสลาม เป็นศาสนาแห่งความเมตตาแล้ว
ทำไมจึงต้องตัดมือของขโมย หรือ ต้องประหารฆาตกรด้วย ? ”
ที่จริงแล้วพวกเขาสับสน เราะฟะหฺ กับ เราะฮฺมะหฺ
คือมันอาจไม่สามารถเห็นได้ว่ามั นเป็นความเมตตาต่ออาชญากรและต่ อสังคม แต่ทว่าในความเป็นจริง สิ่งนี้แหละคือความเมตตา.
ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจว่า เราะฮฺมัต ของอัลลอฮฺนั้นไม่ใช่เป็นเพี ยงแค่ เราะฟะหฺ แต่มันเป็นมากกว่านั้น.
ดังนั้นการที่บางคนพูดว่ าศาสนานี้เป็นศาสนาที่ยาก เช่น การที่จะต้องละหมาดวันละ 5 เวลา, ต้องถือศีลอดในวันที่ร้อนจั ดของฤดูร้อน ในเดือนรอมาฎอน, (โดยคิดว่า) ทำไม อัลลอฮฺจึงกำหนดให้เรา ต้องแบกรับภาระเหล่านี้ด้วย ? สิ่งนี้เกิดขึ้นจากความไม่รู้ ของตัวบุคคลเอง เพราะว่าข้อกำหนดเหล่านี้ ในความเป็นจริง มันคือการกระทำที่มาจาก เราะฮฺมะหฺ ของอัลลอฮฺเพื่อพวกเรา.
และสำหรับบางคน (ที่มีศรัทธาที่สูงส่ง) พวกเขามองสิ่งนี้ (ข้อกำหนดต่างๆของอัลลอฮฺ) ว่าเป็นสิ่งที่เหนือไปกว่ าการกระทำแห่งความเมตตา, พวกเขามองมันเสมือนเป็ นการกระทำแห่ง เราะฟะหฺ. ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น การให้ทาน, การถือศีลอดในวันที่ ยาวนานของฤดูร้อน, การยืนขึ้นเพื่อละหมาดในยามค่ ำคืนที่ยาวนานและหนาวเหน็ บของ
ฤดูหนาว, การเลี้ยงดูเด็กกำพร้า และอื่นๆ ก็ดี เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่
(บางคน) มองว่ามันเป็นดั่ง ของขวัญ จากอัลลอฮฺ. เป็นไปได้อย่างไร ?
ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น สื่อ ที่จะทำให้บุคคลหนึ่งสามารถเข้ าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺได้.